การดูแลสุขภาพในเอเชียแปซิฟิกสามารถเข้าถึงได้และราคาไม่แพงหรือไม่

การพัฒนาด้านการดูแลสุขภาพในแง่ของการเข้าถึงและระบบการดูแลสุขภาพยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญในหลายประเทศในเอเชีย ตามดัชนีการเข้าถึงการดูแลสุขภาพในเอเชียแปซิฟิกของ The Economist Intelligence Unit* รายงานระบุว่าเอเชียเป็น “การศึกษาในทางตรงกันข้าม”

และเป็นที่ตั้งของประเทศที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดและบางประเทศที่มีประสิทธิภาพต่ำที่สุดตามเกณฑ์เหล่านี้ ประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย (อันดับที่ 4) ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และเกาหลีใต้ ต่างก็ติดอันดับ 20 อันดับแรกของโลก ในขณะที่ประเทศต่างๆ เช่น อัฟกานิสถาน และกัมพูชา พบว่าตัวเองอยู่ใกล้ด้านล่างสุดของดัชนี

ด้านการเข้าถึงของ Global Access to Healthcare Index จะตรวจสอบว่าการเข้าถึงบริการป้องกันและรักษาในกลุ่มโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด (เช่น บริการด้านสุขภาพเด็กและมารดา โรคติดเชื้อ เช่น มาลาเรีย เอชไอวี/เอดส์ วัณโรค และไวรัสตับอักเสบ และ โรคไม่ติดต่อ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็ง และสุขภาพจิต)

ในทางกลับกัน แง่มุมของระบบการดูแลสุขภาพจะวัดเงื่อนไขที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีประสิทธิผลและเกี่ยวข้อง (เช่น นโยบาย สถาบัน และโครงสร้างพื้นฐาน)

การเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายได้

แม้จะอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง เอเชียก็เป็นที่ตั้งของระบบการดูแลสุขภาพที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งทั่วโลกซึ่งอยู่ในอันดับสูงในดัชนี แต่ก็ยังรวมถึงกลุ่มที่เข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างจำกัด การเข้าถึงการดูแลสุขภาพในหลายประเทศในเอเชียนั้นน่ายกย่อง (และปรับปรุง) แต่ความสามารถในการจ่ายส่วนใหญ่ยังคงเป็นสิทธิพิเศษของผู้ร่ำรวยทางเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียใต้ ดร. Asher Hasan ผู้ประกอบการเพื่อสังคมชื่อดังในสหรัฐฯ กล่าวในรายงานว่า “ความสามารถในการเข้าถึงไม่เหมือนกับความสามารถในการจ่ายได้ ระบบสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนหนึ่งสามารถให้ ‘การเข้าถึง’ ในระดับที่เพิ่มขึ้น แต่ความสามารถในการจ่ายไม่ได้นั้นจำกัดการใช้ระบบการส่งมอบการดูแลเหล่านี้”

นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างอย่างมากในแง่ของการเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแก่ผู้คนที่กระจัดกระจายไปตามเกาะหลายร้อยเกาะหรือไปยังพื้นที่ห่างไกลถือเป็นเรื่องท้าทายมาก

การปรับโครงสร้างระบบการดูแลสุขภาพ ผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการในการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียใต้ขององค์การแพทย์ครอบครัวโลก (WONCA) ในปี 2559 สรุปว่าการดูแลสุขภาพเบื้องต้นควรเป็นส่วนสำคัญของการปรับโครงสร้างระบบสุขภาพในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าการฝึกอบรมในชุมชนและความร่วมมือระดับภูมิภาคเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จ

ในเรื่องนี้อินโดนีเซียมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ รัฐบาลได้จัดตั้ง Jaminan Kesehatan Nasional (JKN) ในปี 2014

ซึ่งเป็นระบบประกันแห่งชาติภาคบังคับ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน 250 ล้านคนภายในปี 2019 อย่างไรก็ตาม รายงานชี้ให้เห็นว่าการให้ความคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่เป็นสากลอาจเป็นเรื่องยากมากในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางในเอเชีย เนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานในภาคนอกระบบสูง “สำหรับผู้ที่ยากจนที่สุดในบรรดาผู้ที่ไม่ได้รับเงินเดือน การเข้าถึงประกันสุขภาพมักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ส่งผลให้หลายคนต้องพึ่งพาการจ่ายเงินสด” รายงานระบุ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะทำให้สมองตื่นตัวนานกว่ากาแฟ 

        เชื่อว่าใครหลายๆคนมักจะมีการดื่มเครื่องดื่มเพื่อให้สมองของตนเองตื่นตัวพร้อมกับการทำงานอยู่ตลอดเวลาหรือแม้แต่บางคนที่รู้สึกง่วงนอนก็อยากจะกินเครื่องดื่มที่ทำให้สมองตื่นตัวซึ่งเครื่องดื่มดังกล่าวนั้นจะต้องมีส่วนผสมของคาเฟอีนโดยส่วนใหญ่แล้วก็คือกาแฟนั่นเอง

  คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะ  เรียกได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถขาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนได้เพราะต้องการที่จะให้คาเฟอีนนั้นไปกระตุ้นการทำงานของสมองทำให้ทำงานได้ไหลลื่นและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกๆเช้าผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีการดื่มเครื่องดื่มประเภทกาแฟเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามในคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีเฉพาะเพียงแค่ในกาแฟเท่านั้นพ่อแม้แต่ชาวเขียวมัทฉะเองก็มี คาเฟอีนเป็นส่วนผสมเช่นเดียวกัน 

 อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับคาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะด้วยผู้ที่ทำการวิจัยได้มีการออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในชาเขียวมัทฉะนั้นว่าถ้าหากใครที่มีการกินชาเขียวมัทฉะเข้าไปเมื่อนำมาเปรียบเทียบคาเฟอีนกับกาแฟแล้วปรากฏว่ากาแฟในคาเฟอีนนั้น

มีน้อยกว่าในชาเขียวมัทฉะเป็นอย่างมาก ดังนั้นสามารถกล่าวสรุปได้ว่าหากใครที่กินชาเขียวมัทฉะก็จะมีความรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าได้นานกว่าการที่กินคาเฟอีนเลยทีเดียว 

 สำหรับการวิจัยที่มีการปรากฏออกมาและมีการถูกนำเสนอเป็นข่าวสารไปทั่วโลกนั้นมีการระบุว่าทางสถาบันการวิจัยได้มีการตรวจสอบสารคาเฟอีนทั้งในกาแฟและในชาเขียวมัทฉะในปริมาณที่เทียบเท่ากันโดยจะเห็นได้ว่าร่างกายนั้นสามารถดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟโดยใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีน

ยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน นาทีเท่านั้นแต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีนยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน  ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในการทำงานการสดชื่นก็จะ นานขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง 

  อย่างไรก็ตามสำหรับคาเฟอีนนั้นถ้าหากว่าเรากินในปริมาณที่พอเหมาะก็จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้แต่ถ้าหากว่าเรามีการกินคาเฟอีนมากจนเกินไปก็ก็อาจจะส่งผลเสียตามมาด้วยได้เช่นเดียวกันอย่างเช่นอาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือปวดหัวรวมถึงคลื่นไส้ได้ด้วย 

ดังนั้นถ้าหากต้องการได้รับประโยชน์จากการกินคาเฟอีนเข้าไปแล้วล่ะก็ควรจะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะเพราะมันจะไปช่วยการเผาผลาญพลังงานและไขมันนอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้สมองมีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาหาช่วยอิ่มที่คนลดน้ำหนักไม่ควรพลาด

ใครคิดที่จะลดน้ำหนักอยุ่ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักกันให้ดี เพราะในสมัยปัจจุบันนี้มีวิธีการมากมายที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยนี้อาการกินนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิของเราเป็นอย่างมาก

อาหาช่วยอิ่มที่คนลดน้ำหนัก เพราะคนเราไม่ว่าใครก็อยากที่จะทานอาหารอร่อย ๆ หรือเมนูโปรดของตนเองกันทั้งนั้น แถมในสมัยนี้ก็มีอาหารมากมายที่มีรสชาติอร่อยถูกปาก

และแน่นอนว่าหากเรารับประทานอาหารให้ตามใจปากนั้นก็จะยิ่งทำให้เราอ้วน หรือมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาได้ จนเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนนั้นเริ่มที่จะหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะการลดน้ำหนัก เพื่อให้ได้รูปร่างตามที่ตนเองต้องการ หรืออาจจะเป็นการสร้างรูปร่างของตนเองให้ดูดีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าสมัยนี้คนส่วนใหญ่มักที่จะมองหาวิธีการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการลดน้ำหนักด้วยการเลือกรับประทานอาหาร รับรองได้เลยว่านอกจากจะช่วยให้เราอิ่มท้องได้แล้ว สายลดน้ำหนักจะต้องไม่พลาดกันอย่างเด็ดขาด จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย 

1.เจลาติน รู้หรือไม่ว่าอาหารชนิดนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ แถมยังมีแคลอรีที่น้อยมาก ๆ อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก การที่เราเลือกทานอาหารประเภทนี้ขอบอกเลยว่าไม่เพียงแต่ช่วยทำให้เรานั้นรู้สึกอิ่มท้องได้ แต่ยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย 

2.เมล็ดเจีย เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ขอบอกเลยว่าสายลดน้ำหนัก หรือใครที่คิดจะลดน้ำหนักนั้นต้องไม่พลาดกันอย่างเด็ดขาด เพราะอาหารประเภทนี้จะอุดมไปด้วยกรดโอเมก้า3 ในปริมาณที่สูงมาก ๆ แถมยังมีไฟเบอร์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ หากใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าหากเลือกทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำ จะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

3.ลูกแพร์ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าลูกแพร์อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญลูกแพร์ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรงได้อีกด้วย

ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ช่วยทำให้เราอิ่มท้องขอบอกเลยว่าต้องไม่พลาดอาหารประเภทนี้ 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

แนะนำวัคซีนโควิด-19 จากสหรัฐอเมริกา การเตรียมตัวก่อนฉีด และหลังฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีด ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดนั้น แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องดูแลตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้ง การสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน หลบเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ผู้คนแออัด ล้างมือบ่อย ๆ  ทั้งล้างด้วยสบู่ หรือแม้กระทั่งทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยได้ คือการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยวัคซีนโควิด-19 วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักวัคซีนโควิด-19 กัน และการเตรียมตัวก่อนฉีด และหลังฉีด

 

– Pfizer  เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างประเทศเยอรมัน และสหรัฐอเมริกา  เครื่องช่วยฟังฟรี   สมรรถนะสำหรับเพื่อการปกป้อง 80 – 90% ปริมาณโดสที่ต้องได้รับคือ 2 โดส โดยแต่ละโดสจะฉีดห่างกัน 3 อาทิตย์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดรอบ ๆ ที่ฉีด อาจจะไข้ หมดแรง หลังรับวัคซีน

– Moderna จากประเทศสหรัฐอเมริกา ความสามารถสำหรับเพื่อการคุ้มครอง 95% ปริมาณโดสที่ต้องได้รับคือ 2 โดส ระยะการฉีดห่างกัน 4 อาทิตย์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดศีรษะ ปวดตัว เหน็ดเหนื่อย หลังรับวัคซีน

– Johnson & Johnson จากประเทศสหรัฐอเมริกา สมรรถนะสำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้อง 67% ปริมาณโดส 1 โดส ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดศีรษะ ปวดกล้าม อาเจียน ข้างหลังรับวัคซีน

ก่อนเข้ารับการฉีดยา ควรสำรวจตนเอง แม้มีโรคประจำตัวหรือยาที่จะต้องกิน ควรจะแจ้งหรือหารือกับคุณหมอก่อนเข้ารับวัคซีน อีกทั้งต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย รวมทั้งงดเว้นการบริหารร่างกาย พร้อมพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถ้ามีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บเจ็บ ป่วยป่วย ๆ เกิดขึ้น ควรจะเลื่อนการฉีดออกไปอย่างต่ำ 1 – 2 อาทิตย์ และสุดท้ายคือ ก่อนเข้ารับวัคซีนควรงดเว้นคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

 

การดูแลตัวเองหลังรับวัคซีน

– ในกรณีที่จับไข้สูง 38 องศาเซลเซียส เมื่อยตัว อ่อนแรงผิดปกติ ควรจะกินยาพาราเซตามอลขั้นต่ำ 1 เม็ด แต่ว่าให้หลบหลีกยาพาราประเภทแรง ที่อาจไปมีส่วนเกี่ยวกับการสนองตอบของร่างกาย ทำให้วัคซีนทำงานได้ลดลง

– อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นมีเพียงแค่ 10% ของคนที่รับวัคซีน

ผลกระทบที่เจอ ดังเช่นว่า เมื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดกล้าม และก็เป็นไข้ แต่ทั้งนี้สามารถหายได้เองหลังฉีดยาราว 3 – 4 วัน ส่วนผลกระทบร้ายแรงนั้น เจอน้อยมาก โดยควรจะเฝ้าระวังภายหลังจากฉีดไปแล้ว 30 นาทีแรก แต่ว่าหากมีลักษณะอาการแพ้มาก จะแสดงให้เห็นเลยใน 15 นาที สำหรับคนที่มีประวัติการแพ้ยา ควรจะแจ้งหมอให้รู้ก่อนฉีดยา

และภายหลังได้รับวัคซีนแล้ว พึงสังเกตอาการต่อที่บ้าน ซึ่งถ้าหากพบอาการหลังได้รับวัคซีนไปแล้ว 30 นาที อาการมักไม่ร้ายแรง ก็ให้ทำการจดบันทึกความไม่ปกติทุก ๆ อย่างที่เจอภายหลังการฉีดยา

ประโยชน์ต่อสุขภาพของการวางแผนมื้ออาหาร

ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะพยายามลดน้ำหนักหรือเพียงแค่ปรับปรุงอาหาร การวางแผนมื้ออาหารเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย มีข้อดีมากมายในการวางแผนมื้ออาหารของคุณล่วงหน้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดรอบเอวของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นด้วย Silvia Veri นักโภชนาการที่ลงทะเบียนที่ Beaumont Weight Control Center – Canton กล่าวว่า “ทุกอย่างในชีวิต

ถ้าคุณล้มเหลวในการวางแผน คุณวางแผนที่จะล้มเหลว นั่นใช้กับการวางแผนมื้ออาหารด้วยเช่นกัน “การวางแผนมื้ออาหารและของว่างล่วงหน้าจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ และเพิ่มโอกาสในการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ”

ตรวจสอบประโยชน์ของการวางแผนมื้ออาหารเหล่านี้ เรียนรู้การควบคุมส่วน การวางแผนมื้ออาหารของคุณเองจะช่วยให้คุณเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วคุณกินมากแค่ไหน นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณกินมากเกินไปในร้านอาหาร ซึ่งมักจะเสิร์ฟในปริมาณที่มากกว่าที่คุณควรรับประทานจริงๆ

การกินเพื่อสุขภาพ เมื่อคุณหิวและน้ำตาลในเลือดของคุณลดลง คุณมีแนวโน้มที่จะกินอะไรก็ตามที่คุณทำได้เร็วที่สุด นี่คือเหตุผลที่พวกเราบางคนเลือกรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใกล้เคียงที่สุดกับตัวเลือกที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การวางแผนมื้ออาหารช่วยขจัดปัญหานี้

เมื่อคุณมีอาหารที่สมดุลเพียงปลายนิ้วสัมผัส เต็มไปด้วยอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่เตรียมไว้และพร้อมที่จะไป หลายครั้งที่อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพถูกเลือกเพราะสะดวก เวรีอธิบาย ถ้าเราสามารถใช้เวลาว่างในการวางแผนมื้ออาหาร เขียนรายการซื้อของ และมีผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่ว พวกเขาจะสะดวกและรับประทานบ่อยขึ้น

ประหยัดเวลา การหิวและตระหนักว่าคุณไม่ได้วางแผนอะไรเลยนั้นเป็นเรื่องที่เครียดอย่างไม่ต้องสงสัย แทนที่จะยืนอยู่หน้าตู้เย็นหรือตู้กับข้าวตัดสินใจว่าจะทำอะไรดี คุณสามารถเตรียมอาหารเพื่อสุขภาพของคุณให้พร้อมได้ในเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณไม่ต้องยุ่งยากในการทำความสะอาดหลังทำอาหาร

ประหยัดเงิน ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการประหยัดเงินเป็นสิ่งที่เราทุกคนพยายามทำ และการวางแผนมื้ออาหารเป็นวิธีที่ดีในการช่วย ในขณะที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินที่ร้านอาหาร การวางแผนมื้ออาหารก็รวมถึงการซื้อสินค้าจำนวนมากด้วย ซึ่งสามารถประหยัดเงินได้มาก การยึดติดกับสิ่งที่อยู่ในรายการยังช่วยหลีกเลี่ยงการซื้อของที่ร้านขายของชำอีกด้วย

หลีกเลี่ยงการเสียอาหาร เมื่อพูดถึงการวางแผนมื้ออาหาร คุณต้องไปที่ร้านขายของชำพร้อมแผน และรู้ว่าคุณจะใช้รายการทั้งหมดอย่างไร เมื่ออาหารทุกชนิดมีจุดประสงค์ คุณจะไม่ต้องกังวลว่าสิ่งของในตู้เย็นจะเสียเปล่า ไม่ว่าคุณจะทำอาหารสำหรับทั้งครอบครัวหรือแค่ตัวคุณเอง

การใช้เวลาวางแผนมื้ออาหารสำหรับสัปดาห์หน้านั้นคุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือต้องจัดสรรเวลาเพียงเล็กน้อยในแต่ละสัปดาห์เพื่อทำสิ่งนั้น เวรีแนะนำว่าให้ทานอาหารทีละมื้อ พยายามเลือกอาหารมื้อนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

 

สนับสนุนโดย.    ชุดตรวจ hiv

สุขภาพดีสร้างได้ด้วย 3 วิธี

สุขภาพดี สมัยนี้การมีสุขภาพร่างกายที่ดีเป็นความฝีนของใครหลาย ๆ คนเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งเรามีสุขภาพร่างกายที่ดี ก็จะยิ่งส่งเสริมการใช้ชีวิตในประจำวันของเราให้ดีขึ้น ดังนั้น เราจึงเห็นหลาย ๆ คนเริ่มหันมาดูแลรักษาสุขภาพร่างกายด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ดี และการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ทว่าในสมัยปัจจุบันนี้ การใช้ชีวิตของคนเรานั้นก็ค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันออกไป เพราะบางคนไม่มีแม้กระทั่งเวลานอน เพราะวัน ๆ เอาแต่ทำงาน จนส่งผลให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เนื่องจากไม่ค่อยได้รับประทานอาหาร ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

หรือแม้แต่การดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี แต่อย่างไรก็ตาม การมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเองง่าย ๆ ถึงแม้ว่าคุณจะมีเวลานอนก็สามารถทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้ ฉะนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีได้ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ รับรองได้เลยว่าหากทำตามวิธีดังกล่าวคุณจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงอย่างแน่นอน จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย 

การบริหารสมองอยู่เสมอ การบริหารสมองอยู่เสมอเป็นวิธีการช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ด้วยวิธีหนึ่ง เพราะโดปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การทำกิจกรรมอื่น ๆ เราจะใช้พลังงานสมองอย่างหนัก จนทำให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อน ดังนั้น การบริการสมองถือเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่อาจทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีได้ ซึ่งวิธีการบริหารอาจจะเป็นการพักสมอง การหากิจกรรมทำ หรือแม้แต่การหัวเราะเองก็สามารถช่วยได้ เพราะให้ร่างกายของเราหลั่งสารเคมีในระบบประสาทออกมาเพื่อช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายนั่นเอง และส่งผลให้จิตใจของเราสงบ จนนำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้

การเลือกรับประทานอาหาร แน่นอนว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ เพราะในปัจจุบันนี้หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีก็ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย แถมยังช่วยในการพัฒนาและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้นั่นเอง

การพักผ่อนให้เพียงพอ  การมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้นั้น สามารถทำได้ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตัวเอง ก็ควรเลือกวิธีการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้มีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังกายก็ตาม 

 

สนับสนุนโดย.    ตรวจ HIV ไม่เจอ

สมองเสื่อม ได้แม้อายุยังน้อย

การเกิดโรคสมองเสื่อม 

เป็น ความเสื่อมถอยสมรรถนะของสมองลดน้อยลงเรื่อยอย่างค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ทำให้เกิดความไม่ปกติทางความนึกคิด ความจำ การใช้เหตุผล และก็การติดต่อสื่อสาร รวมทั้งบุคลิกภาพเปลี่ยนหรือไม่ดีเหมือนปกติ บางกรณีอาจมีอารมณ์ผันแปร เครียด หม่นหมอง รู้สึกแตกต่าง และก็ปลีกตัวจากสังคม

โดยธรรมดามักกำเนิดในคนชรา แต่ว่าในคนอายุน้อยก็สามารถพบได้เช่นกัน ในตอนนี้การเกิดโรค สมองเสื่อม ในคนอายุน้อยนั้น เริ่มพบได้มากถึงร้อยละ 6.9 ของคนไข้โรคสมองเสื่อมทั้งสิ้น ซึ่งส่วนมากอยู่ในวัยทำงาน ก็เลยมักถูกคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องของความเคร่งเครียด หรือสภาวะเศร้าหมองจากการทำงาน เลยมิได้พิจารณาความผิดแปลกใด ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่เอาใจใส่หรือมีความรู้สึกว่าไม่อันตราย จนถึงเวลาที่อาการต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นภัยเงียบที่ไม่รู้ตัว

 

โรคสมองเสื่อมในวัยทำงานมีเหตุที่เกิดจากอะไร

ต้นเหตุของโรคสมองเสื่อมมิได้มีเหตุมาจากความตึงเครียดจากการทำงานแค่นั้น กลับพบว่าสภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันเลือดสูง ภาวการณ์เส้นโลหิตในสมองตีบเป็นต้นเหตุสำคัญที่รุกรามอายุสมองคนที่อยู่ในวัยทำงานให้เสื่อมลงก่อนวัย เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการที่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัว ทำให้นอนน้อย ขาดการบริหารร่างกาย กินอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับความดันเลือดสูง ระดับไขมันในเลือดสูง ฯลฯ

ทั้งหมดทำให้มีอาการสมองขาดเลือด ทำให้ความสามารถลักษณะการทำงานของสมองผิดปกติอย่างช้า ๆ โดยเริ่มมาจากการที่เส้นโลหิตสมองที่มีบทบาทส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง ดันมีไขมันคอเลสเตอรอลไปสะสมจนกระทั่งเส้นเลือดในสมองอุดตัน ลีบลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองได้ไม่พอ กลายเป็นความทรุดโทรม จนกระทั่งเกิดภาวะโรค สมองเสื่อม ตามมา

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคสมองเสื่อมหรือยัง สามารถสังเกตตนเองได้ง่าย ๆ การที่มีความจำสั้น หลง ๆ ลืม ๆ เช่น ลืมนัดทานข้าวกับแฟน ลืมว่าเดินมาทำอะไร ลืมว่าพึ่งไปที่นี่มา เป็นต้น การที่พูดติด ๆ ขัด ๆ หลงลืมสิ่งที่จะพูดต่อไป สื่อสารผิดพลาดบ่อย ๆ เริ่มไม่อยากพบปะพูดคุยกับใคร สมาธิสั้น 

ดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม อย่างแรกเลยก็คือ ต้องออกกำลังกายบ้าง เพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี และลดไขมันในร่างกายที่มีโอกาสไปอุดดตันเส้นเลือดหัวใจและสมอง กระตุ้นสมองด้วยการทำกิจกรรมที่ใช้ความคิด นอนให้พอเพื่อให้ร่างกายและสมองได้เกิดการซ่อมแซม  ลดการทานอาหารไขมันสูง เพื่อลดการสะสมไขมัน และไปอุดตันตามเส้นเลือด 

 

สนับสนุนโดย.  ถ่ายทอดสดหวยฮานอยวันนี้

จัดแจงความตึงเครียด เพื่อสุขภาพจิต และสุขภาพกายที่ดี

คนทำงานหลายท่านจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าความเครียด และก็ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับการปฏิบัติงานลดลง ทำให้ความกระตือรือร้นหาย จนถึงท้ายที่สุด ทำให้ตนเองรู้สึกมีความหวาดกลัวที่จะปฏิบัติงาน จัดแจงความตึงเครียด  โดยยิ่งไปกว่านั้นการทำงานในวันจันทร์ คนทำงานจำนวนมากจะมีความรู้สึกว่าไม่ต้องการที่อยากจะไปทำงานสักเท่าไหร่ รู้สึกว่าไม่อยากให้มาถึงวันนี้

การทำงานที่พบกับความตึงเครียดเสมอ แม้กระนั้นไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า จริง ๆ แล้วพวกเราก็ต้องการได้ผลงานที่ดี บางครั้งบางคราวพวกเราก็เลยชอบบีบคั้นตนเอง หรือบีบคั้นบุคคลอื่นให้มีความเคร่งเครียดสำหรับการดำเนินการโดยไม่รู้สึกตัว แต่ว่าจริง ๆ แล้ว การทำงานให้บรรลุความสำเร็จไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้สึกแบบนั้นเสมอ หากเราจะลอง

จัดแจงความตึงเครียด

ความเคร่งเครียดจากการทำงานเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สุขภาพคนทำงาน แล้วก็คุณภาพของงานเสื่อมโทรมหรือแย่ไปตาม ๆ กัน เมื่อพวกเรามีความตึงเครียดสะสม พวกเราจะไม่อาจจะปฏิบัติงานให้ก้าวหน้าอย่างที่ควรเป็น พวกเราจะมีความรู้สึกว่าทุกสิ่งเต็มไปด้วยแรงกดดัน รวมไปถึงปัญหาก็จะรุมเข้ามาหาพวกเราอยู่เสมอ จนถึงสุดท้ายพวกเราจะเกิดไอเดียในด้านลบเกี่ยวกับงานของพวกเรา ทำให้งานที่ออกมามีผลลัพธ์ที่ไม่ดี

วมทั้งในเวลาเดียวกัน เมื่อพวกเรากำเนิดความเคร่งเครียดร่างกายของพวกเราก็จะดำเนินงานได้ไม่ดี กำเนิดลักษณะการเจ็บเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเหตุนี้ ถ้าเกิดพวกเราอยากเป็นบุคลากรที่มีสถานที่สำหรับทำงานดี และก็เป็นสุข พวกเราจะต้องจัดแจงกับความเคร่งเครียด ซึ่งคือปัญหาสำคัญสำหรับการดำเนินงานให้ได้เสียก่อน 

เมื่อมีความคิดว่าพวกเราดำเนินการหักโหมมากเกินกว่าร่างกายกับสมองจะยอมรับได้ไหว ให้พักผ่อนสักประเดี๋ยว เพราะเหตุว่าแม้พวกเราไม่หยุด ความตึงเครียดจะเข้ามาออกคำสั่งแล้วก็ควบคุมพวกเรา ทำให้พวกเรารู้สึกปราศจากความสุข ทั้งนี้หากรู้สึกเครียดเกินไป อาจจะทดลองลุกขึ้นยืนมายืดเส้นยืดสาย

หรือทักสนทนากับเพื่อนผู้ร่วมทำงาน ที่อยู่โต๊ะด้านข้างด้วยเรื่องราวทั่วไป เน้นที่สนุกสนานไม่เครียด หรือทดลองทำกิจกรรมอันอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ เมื่อรู้สึกเครียดให้พักสัก 10-15 นาที แล้วพวกเราจะรู้สึกบรรเทาขึ้นอย่างชัดเจน การทำงานที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่มีความจำเป็นต้องคร่ำเคร่งอยู่เสมอ ควรจะหาเวลาพักผ่อนบ้าง เมื่อพวกเรามีสุขภาพเกี่ยวกับจิตดี พวกเราก็จะดำเนินการในหน้าที่การงานได้ดีขึ้น

 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในวิธีที่จะช่วยบรรเทาความเคร่งเครียดที่เกิดจากงานได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าหากเราปล่อยวางได้ ไม่เก็บมาคิด จนทำให้เกิดความเคร่งเครียดสะสมก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น

 

สนับสนุนโดย.    เวปเจตใหม่

วิธีช่วงให้หน้าขาวกระจ่างใส

สำหรับสูตรนี้สามารถที่จะฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาต่างๆได้ อย่างเช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย เป็นสิว ผิวหมองคล้ำ รอยแดงรอยดำจากสิว ผิวไม่สม่ำเสมอ รวมไปถึงรูขุมขนกว้างหรือหน้ามันนั่นเอง ก็สามารถที่จะใช้สูตรเหล่านี้ได้

เรามาดูส่วนผสมกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง โดยส่วนผสมขแงสูตรนี้นะก็คือ มะเขือเทศ 1 ลูก แตงกวาถ้าเป็นลูกเล็กใช้ 2 ลูก ถ้าเป็นลูกใหญ่ใช้ครึ่งลูกก็พอ น้ำมะนาว สุดท้ายก็คือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น โดยสรรพคุณนั้นก็คือ

1.น้ำมะเขือเทศสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระยกตัวอย่างเช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำรวมไปถึงริ้วรอยต่างๆด้วยนะคะ และที่สำคัญเขาสามารถลดสิวรวมไปถึงลดการอักเสบของสิวได้ด้วยค่ะ

2.แตงกวาจะเป็นการช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รวมไปถึงริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยไม่ทำให้ผิวของเรานั้นแห้งกร้านนะคะ ทำให้ผิวของเราชุ่มชื่นขึ้นและที่สำคัญยังสามารถที่จะทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

3.มะนาว มีวิตามินซีและยังช่วยเร่งให้ผลัดเซลล์ผิว โดยให้เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพไปแล้วให้หลุดได้ง่ายขึ้นทำให้ผิวเรากระจ่ายใสขึ้น 

4.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น อุดมไปด้วยวิตามินอี สามารถทำให้ผิวของเรานั้นชุ่มชื่นขึ้นกระชับรูขุ่มขน ลดเลือนจุดด่างดำ นอกจากนี้นะยังสามารถฆ่าเชื้อแบททีเรียของสิวอักเสบได้ด้วยนะคะ โดยมัวิธีทำง่ายๆดังต่อไปนี้นะ

โดยคุณจะต้องนำมะเขือเทศและแตงกวามาปั่นรวมกันแต่ว่าถ้าหากว่าใครไม่มีเครื่องปั่นแล้วล่ะก็ก็ไม่เป็นไรนะสามารถนำสองอย่างนี้มาบดรวมกันก็ได้เช่นกันจร้า แต่ว่าจะต้องใช้ที่กรองเพื่อยกน้ำนะค่ะ เมื่อได้มาจากนั้นให้คุณเดิมน้ำมะนาวสามช้อนชาค่ะ

และเติมน้ำมะพร้าวสกัดเย็นสองช้อนโต๊ะหรือว่าหกช้อนชาค่ะ จากนั้นคนให้เข้ากัน และก็นำมาหยอดลงในถาดช่องแช่แข็ง เมื่อได้มาแล้วก็นำไปแช่ฟีดนะ โดยวิธ๊ใช้มาก์คก้อนน้ำแข็งเนี่ยนะอันดับแรกคือการล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นน้ำแข็งที่ได้ให้นำมาถูวนบนใบหน้า โดยจะต้อง๔ให้ทั่วกันเลย 

จากนั้นก็ปล่อยรอให้แห้งแล้วค่อยไปล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าหรือน้ำเปล่าก็ได้ค่ะ โดยเคล็ดลับในการใช้สูตรนี้นะซึ่งใครที่มีปัญหาผิวและฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยรวมไปถึงสิวต่างๆโดยควรที่จะทำสูตรนี้เช้าเย็นกันเลย ซึ่งเราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปรงในสามวันกันเลย แต่ถ้าใครไม่มีปัญหาใดก็สามารถทำในช่วงตอนเย็นแบบวันเว้นวันก็ได้เช่นกัน

 

สนับสนุนโดย    หาเงินจากหวยหุ้น

ขึ้นฉ่ายฝรั่ง (Celery) ดีต่อสุขภาพมากแค่ไหน

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ที่ทดลองทำตามงานวิจัยในด้านประโยชน์ของขึ้นฉ่าย หรือ Celery โดยทำเป็นน้ำผักและดื่มในตอนเช้า ซึ่งพบว่าพวกเขานั้นมีน้ำหนักตัวลดลงและผิวพรรณก็เริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน กลายเป็นกระแสมาถึงเมืองไทย แม้กระนั้นเจ้าขึ้นฉ่ายฝรั่ง  ก็มีกลิ่นพอสมควรที่จะทำให้ผู้ดื่มรู้สึกดื่มไม่ลง สำหรับคนแรกที่เริ่มทานบางทีอาจจะต้องลองดื่มไปสักพักเพื่อปรับตัว

Celery 100 g ให้พลังงานเพียง 13 cal เท่านั้น และอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินเอ, บี1, บี2,  และบี6 อีกทั้งยังมีคุณประโยชน์ช่วยในเรื่องขับพิษออกมาจากร่างกาย พร้อมปรับสมดุลร่างกาย ลดการอักเสบ เพิ่มความชื้นให้ร่างกาย

ลักษณะของ Celery ฝรั่งจะอ้วนกว่าของไทยก็เลยทำให้ได้คุณประโยชน์มากยิ่งกว่า เนื่องจากคุณประโยชน์ได้จากตรงก้าน รวมทั้งการนำมาทำน้ำผักและดื่มในเวลาเช้าจะได้รับคุณค่าสูงที่สุด 

อย่างไรก็ตาม การทานขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือ Celery ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่ เช่น 

เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ถึง 6 ปี, ผู้สูงวัย และคนที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็น โรคไต โรคหัวใจ บุคคลเหล่านี้ก็ไม่สมควรกินน้ำผักขึ้นฉ่ายฝรั่งในจำนวนมาก หรือแบบดื่มเข้มข้น เพราะขึ่นฉ่ายฝรั่งมีโพแทสเซียมสูง นำมาซึ่งการทำให้ไตทำงานมากขึ้น

ผู้ที่เป็นโรคความดันต่ำ ไม่แนะนำให้ดื่มนำผักหรือทานขึ้นฉ่ายฝรั่ง เนื่องจากความดันจะลดลงไปกว่านี้อีกอาจจะก่อให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายได้ ส่วนคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ก็ไม่สมควรกินน้ำผักขึ้นฉ่ายมากเกินความจำเป็น เพื่อหวังผลให้ความดันเลือดต่ำลง เนื่องมาจากการทำเช่นนี้จะช่วยควบคุมระดับความดันเลือดไว้แค่นั้น ไม่ได้มีประโยชน์หรือช่วยในการรักษาโรค

คนที่ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องทานยาบ่อยๆ ควรจะขอความเห็นจากหมอก่อน เพราะเหตุว่าขึ้นฉ่ายฝรั่งบางทีอาจมีผลต่อยาที่ใช้รักษาลักษณะของการป่วยนั้น

ระวังการทานขึ้นฉ่ายฝรั่งที่ใช้สารเคมีต่าง ๆ ในการปลูก ทั้งสารกำจัดศัตรูพืชที่ปนมา เนื่องมาจากน้ำผักขึ้นฉ่ายฝรั่งที่ดีต้องนำแบบสดใหม่มาใช้ ด้วยเหตุนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องล้างให้สะอาดก่อนนำมาทำ

ได้ทราบถึงคุณประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจากขึ้นฉ่ายฝรั่งกันไปแล้ว ก็อย่าลืมทดลองทานกันบ้าง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง แต่ว่าการทำขึ้นฉ่ายฝรั่งเพียงอย่างเดียวก็ไม่ดี อย่าลืมว่ามีผักผลไม้อีกหลายแบบที่มีคุณประโยชน์ดี ๆ ไม่แพ้กัน และหากทานแต่ผักผลไม้เพียงอย่างเดียวกไม่ได้ดีเสมอไป ร่างกายยังคงต้องการสารอาหารอื่น ๆ ดังนั้นจะต้องเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะดีต่อร่างกายมากที่สุด

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    หวยฮานอยพารวย