พฤติกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

พฤติกรรมที่อาจส่งผลเสีย

  • พฤติกรรมการเดิน   

คุณเคยสังเกตไหมว่าคนแต่ละคนนั้นมีลักษณะของการการเดินที่ไม่เหมือนกัน   เนื่องจากว่าลักษณะการเดินของแต่ละคนนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงแรกเริ่มที่เริ่มหัดเดินดังนั้นมันมักจึงเกิดความเคยชิน  ถ้าหากว่าเรามีกล้ามเนื้อที่มีความแข็งแรงและมีข้อต่อของกระดูกที่มีความแข็งแรงจะส่งผลทำให้การเดินของเรานั้นดีและมั่นคงและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

เมื่อใดก็ตามที่ลักษณะของการเดินของเรานั้นข้อต่อไม่ค่อยแข็งแรงและกล้ามเนื้อก็อ่อนแรงมันจะทำให้กระดูกเชิงกรานหรือแม้แต่ข้อต่อสะโพกผิดปกติได้

ซึ่งความผิดปกตินี้มันจะส่งผลกระทบต่อมาต่อสุขภาพร่างกายเพราะถ้าหากว่ากระดูกมีปัญหายาวนานอย่างต่อเนื่องมันก็จะทำให้ถ้าเดินของเรานั้นมีความผิดปกติเดินไม่สวยเหมือนคนอื่นและส่งผลกระทบต่อกระดูกข้อต่ออื่นๆในร่างกาย 

Fat Man Eating Fast Food Hamberger. Breakfast for Overweight Person ...

 

  • พฤติกรรมการยืน 

สำหรับการยืนก็เช่นเดียวกันมีผลมาตั้งแต่สมัยยังเด็กถ้าหากว่าตั้งแต่เด็กนั้นเราหัดยืนตัวตรงก็จะทำให้เราเป็นคนที่ยืนแล้วดูดีมีสง่าแต่ถ้าหากว่ามีพฤติกรรมยืนตัวงอ  ก็จะทำให้สง่าราศีของเราหมดไปเพราะมันจะดูเหมือนเป็นคนหลังโก่งเวลายืนก็จะไม่สวยถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเราจะดีก็ตามและที่สำคัญถ้าหากว่าเราต้องทำงานในอาชีพที่ต้องยืนนานๆจะยิ่งมีผลกระทบต่อกระดูกของเรา

ไม่ว่าจะเป็นกระดูกข้อเท้าหรือกระดูกหัวเข่าซึ่งเมื่อมีการใช้งานกระดูกเป็นระยะเวลานานติดต่อกันมันจะทำให้กระดูกเสื่อมสภาพได้และผลที่ตามมาก็จะเป็นโรคเกี่ยวกับทางกระดูกอย่างเช่นโรคกระดูกพรุนเป็นต้น 

พฤติกรรมการนอน  อย่างที่เรารู้ดีว่าการนอนนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพแต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรานอนตามจำนวนที่ร่างกายของเราต้องการแต่เรานอนผิดท่าก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้เช่นเดียวกันเช่นอาจจะทำให้ระบบไหลเวียนในเลือดไม่ดีและอาจจะทำให้เราปวดเมื่อยตามคอตามร่างกายหรือรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่นได้

  • พฤติกรรมการนั่ง 

เคยสังเกตเห็นไหมว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นจะนั่งหลังตรงได้เพียงแค่ระยะเวลาเดียวเท่านั้นหลังจากนั้นก็จะเริ่มมีการงอตัวและถ้าหากว่าเรานั่งงอหลังเป็นระยะเวลานานๆก็จะทำให้เกิดความคุ้นชินกลายเป็นว่าเรากลายเป็นคนนั่งหลังค่อมทำให้ไม่มีสง่าราศีแล้วที่สำคัญถ้าหากว่าเรานั่งหลังงออยู่บ่อยๆมันจะทำให้เรามีปัญหาตรงกระดูกเชิงกรานทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังมีแรงกดทับซึ่งส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพได้ 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการยื่นหรือการนั่งการนอนหรือการเดินถ้าหากว่าเราไม่จัดระเบียบให้ดีไม่ดูแลการกระทำของตนเองให้ดีมันจะส่งผลต่อสุขภาพของเราได้อย่างมากเลยทีเดียว 

 

 

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

ถ้าเราไม่มีความรู้ในการออกกำลังกาย ควรทำอย่างไร

ถ้าคุณไม่มีความรู้ในการออกกำลังกายและต้องการเริ่มต้นใหม่ นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ดังนี้

1.ปรึกษาแพทย์: ก่อนที่คุณจะเริ่มกิจกรรมทางกายใหม่ ควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพของคุณ และตรวจสอบว่ามีปัญหาสุขภาพหรือไม่ที่อาจทำให้คุณไม่เหมาะกับการออกกำลังกายบางประการ

2.ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้: อย่ากำหนดเป้าหมายที่สูงมากที่จะทำให้คุณรู้สึกท้องกลัวหรือหดหู่ ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และเพิ่มมันขึ้นเรื่อย ๆ ตามความสามารถของคุณ

3.เลือกกิจกรรมที่คุณชอบ: การเลือกกิจกรรมที่คุณรักในการออกกำลังกายจะทำให้มีความสุขและยินดีที่จะทำมันต่อไป

4.เริ่มต้นที่ระดับที่คุณสามารถทำได้: หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยกิจกรรมทางกายที่เบาๆ เช่น การเดินเร็วหรือยามเช้า

5.ทบทวนและปรับปรุง: ทบทวนประสิทธิภาพของคุณเป็นระยะๆ และปรับปรุงแผนการออกกำลังกายของคุณตามความคืบหน้า

6.ร่วมกับผู้อื่น: การมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ร่วมกับคุณในกิจกรรมทางกายจะเพิ่มแรงจูงใจและทำให้มีความสนุกมากขึ้น 

7.หยุดเมื่อมีความรู้สึกไม่สบาย: หากคุณรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการบางประการ หยุดทันทีและปรึกษาแพทย์

 อย่าลืมว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่สำคัญต่อสุขภาพ แต่ควรเริ่มต้นอย่างรอบคอบและเป็นขั้นบันไดเพื่อปรับตัวให้เหมาะสม

ท่าออกกำลังกายที่คนไม่มีความรู้สามารถทำได้โดยไม่บาดเจ็บ

นี่คือท่าออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มากนักในการออกกำลังกายและไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้บาดเจ็บมาก

 1.การเดินไปกลับ: เดินเป็นการออกกำลังกายที่เบาๆ และเหมาะสำหรับทุกวัย คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินในย่านที่รู้จักในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น 15-20 นาทีแล้วเพิ่มระยะทางเมื่อคุณรู้สึกสบาย

 2.การยืน: การยืนอยู่หรือเปลี่ยนท่าตัวจากการนั่งไปยังการยืนบ่อยๆ สามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 3.ท่ายืนกางขา: ยืนตรงและกางขาไปทางด้านข้างเล็กน้อย ค่อยๆ กางเท้าออกจากกัน รักษาระดับเข่าให้เท่ากับไหล่และรักษาท่านี้ไว้เป็นเวลา15-30 วินาที

 4.การเขย่าขึ้น-ลง: นั่งบนเก้าอี้หรือเตียง ใช้มือล้วงลงไปบนข้างหน้าของร่างกายแล้วเขย่าขึ้น-ลงการทำท่านี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลายกลุ่ม

 5.การกางขาย่อย-ค่อย: นั่งหลังตรง ยกขาขึ้นและกางออกไปด้านข้างทีละข้าง รักษาระยะที่สบายๆ แล้วสลับไปที่อีกข้าง

 6.การยืนหลังเหยียด: นั่งหลังตรงบนเก้าอี้หรือของนอน ยกแขนลงลงไปด้านหน้าแล้วยืนหลังเหยียดตัวขึ้น ทำการยืนนี้เพื่อเสริมกล้ามเนื้อทั่วไป

 7.การทำหลอดลม: นั่งหรือยืน หายใจเข้าลึกจากระดับท้อง รักษาให้หลอดลมขยายออกมา สูดลมเข้าเป็นเวลา 3-5 นาที

 คำแนะนำสำหรับทุกท่าคือให้ทำอย่างช้าๆ และรับรู้สึกถึงร่างกายของคุณ หากมีความรู้สึกไม่สบายหรือมีอาการบางประการ ควรหยุดทันทีและปรึกษาแพทย์

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    theocean-trip.com

เปิดตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณอยากอกกำลังกาย

เชื่อว่าในใจลึก ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่คงคิดที่อยากจะออกกำลังกายกันอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าอาจจะทำให้บางคนขาดกำลังกาย

เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน   หรือไม่มีแรงบันดาลใจที่จะออกกำลังกาย ถึงแม้ว่าการออกกำลงกายจะเป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ สามารถสร้างรูปร่างที่สวยให้กับเราได้ก็ตาม

เพราะสาว ๆ อาจจะมองว่าการออกกำลังกายหากเราอยากมีรูปร่างที่สวย หรืออยากสุขภาพดี เราจะต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ หรือพลังงานของร่างกายค่อนข้างเยอะ

เนื่องจากการออกกำลังกายในแต่ละรูปแบบนั้นอาจจะต้องใช้แรงของร่างกายค่อนข้างเยอะ จึงทำให้บางคนมองว่ามันคงจะรู้สึกเหนื่อยเกินไป

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในสมัยปัจจุบันนี้มีวิธีการออกกำลังกายมากมายหลากหลายวิธีมาก ๆ รวมไปถึงวิธีที่ใช้แรงของร่างกายน้อย

แต่ก็ได้ประโยชน์ดี ๆ ต่อร่างกายของเราได้เช่นกัน ฉะนั้น สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่อยากลุกขึ้นมาดูแลตนเองด้วยการออกกำละงาย

แต่ไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณนั้นอยากลุกขึ้นมาออกกำลังกาย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • การหารูปแบบการออกกำลังกายที่ใช่

รู้หรือไม่ว่า หากเราอยากที่จะสร้างรูปร่างที่ดีให้แก่ตนเองแบบจริงจัง การมองหากิจกรรมการออกกำลังกายที่ใช่ และเหมาะสมหับตนเองมากที่สุด อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้เรานั้นสามารถมีแรงบันดาลใจที่อยากจะออกกำลังกายมากขึ้นได้ ฉะนั้น ควรลองมองหากิจกรรมที่ใช่ ที่เรารู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อเกินไป เพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง 

  • การให้รางวัลตัวเองบ้าง

เมื่อไหร่ก็จามที่เราออกกำลังกายได้ถึงเป้าหมาย การที่เรารู้จักที่จะให้กำลังใจตนเอง อาจจะทำให้เราอยากที่จะออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น ทำให้เรานั้นมีกำลังใจที่อยากจะลุกขึ้นไปออกกำลังกาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตื่นเต้น ท้าทายร่างกายของเรา โดยที่เราจะไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อนั่นเอง 

  • การเสพคนที่สุขภาพดีอยู่เสมอ

วิธีนี้ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เรานั้นอยากที่จะรักสุขภาพ และอยากที่จะออกกำลังกายมากขึ้น เพราะการที่เราเสพคนรักสุขภาพมาก ๆ หรือคนที่มีรูปร่างที่สวย เราอาจจะอยากได้หุ่น หรือร่างกายเหมือนกับคนนั้น จนต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายมากขึ้นได้ รับรองได้เลยว่าวิธีจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้เรานั้นมีภาพจำในหัวว่าเราจะต้องมีหุ่นที่สวย และมีสุขภาพที่ดีเหมือนกับเขาให้ได้ 

เคล็ดลับการบริหารสุขภาพจิตช่วงโควิด

ช่วงนี้โลกของเราถือเป็นช่วงที่มีโรคระบาดอย่างหนัก จึงทำให้หลาย ๆ คนนั้นจำเป็นที่จะต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำงานอยู่บ้าน หรือแม้แต่การทำกิจกรรมก้จำเป็นที่จะต้องทำอยุ่บ้าน เพราะไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ เนื่องจากต้องช่วยกันลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด

ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราจะต้องทำกิจกรรม ทำงานอยู่แต่บ้านโดยที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย ก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นเกิดอาหารรู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกเซ็ง เพราะไม่ได้ออกไปพบเจอเพื่อน ๆ หรือไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เลย

ซึ่งต้องบอกเลยว่า การที่เราอยู่แต่บ้านนั้น นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้แล้ว

ยังอาจส่งผลกระทบไปยังสุขภาพจิตของเราได้อีกด้วย หรืออาจทำให้คนส่วนใหญ่นั้นมีสุขภาพจิตที่แย่ จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ากันได้ง่ายนั่นเอง ฉะนั้น ไม่ต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการบริหารสุขภาพจิตของตนเองให้ดี  www.hoiana-exclusivex.com    รับรองได้เลยว่านอกจากเราจะได้สุขภาพจิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้เรานั้นสามารถใช้ชีวิตในประจำวันช่วงโควิดได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย จะมีอะไรกันบ้างไปดุกันเลย 

  • การมีสติที่อยู่กับปัจจุบัน

รู้หรือไม่ว่าการที่เราเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรานั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่คอยควบคุมการใช้ชีวิตของเรา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่รู้จักเข้าใจในสถานการณ์?เกิดขึ้น จะยิ่งทำให้เรานั้นมีสติที่แตกได้ง่าย มีจิตใจที่เป็นกังวล จนส่งผลกระทบไปยังสุขภาพจิต และอารมณ์ของเราได้ ดังนั้น ทางที่ดี ควรเข้าใจในสถานการณ์ให้มาก ๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเรา 

  • การมีพลังบวกที่ดี

แน่นอนว่าการที่เรามีแรงบันดาลใจที่ดี มีพลังบวกในการใช้ชีวิตที่ดี ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรานั้นมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เพราะสิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกสบายใจในการใช้ชีวิต ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่สติแตกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ควรเข้าใจคนรอบข้างให้มาก ๆ ทักทายกันตามปกติ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีนั่นเอง 

  • การค้นพบตัวตนใหม่ ๆ

การที่เรามีเวลาให้ตัวเองมาก ๆ จะยิ่งทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะการที่เรามีเวลาให้ตนเองมาก ๆ จะยิ่งทำให้เราค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเองโดยที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน พยายามคิดเรื่องอนาคตของตนเองให้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี การรับประทานอาหารที่อร่อย ๆ การลดน้ำหนักเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้น รับรองได้เลยว่าสิ่งนี้จะยิ่งทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิต

ทำไมเราจึงต้องทานผักผลไม้ให้เพียงพอ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ร่างกายของเราจะต้องดำเนินอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ ด้วยการเลือกสิ่งดี ๆ ให้ร่างกาย และแน่นอนว่า การรับประทานอาหารไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อร่างกายของเรา แต่การทานผักผลไม้ร่วมด้วย

ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง ปลอดภัยจากโรคร้าย และทำให้การใช้ชีวิตของเรามีประสิทธิภาพได้ ฉะนั้น ขอบอกเลยว่า ยิ่งเราทานผักผลไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็จะยิ่งส่งเสริมร่างกายของเราให้ดียิ่งขึ้นได้

รวมไปถึง สำหรับใครที่อยากมีรูปร่างที่สวย หรือใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ใครที่ชื่นชอบ  ถ่านเครื่องช่วยฟัง   การออกกำลังกาย หากทานผักผลไม้เป็นประจำก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้มีรูปร่างที่ดี มีระบบเผาผลาญที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ทำไมเราจึงต้องานผักไม้ให้เพียงพอ ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันกันว่าจะมีเหตุไหนบ้างที่เราควรทาน ไปดูกันเลย 

  • ผักผลไม้อุดมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย

แน่นอนว่า ผักผลไม้ส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีและมีผระโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างครบถ้วน ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำควบคู่ไปกับการทานอาหาร ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มสารอาหารที่ดีให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง รับรองได้เลยว่าจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่เพียงพออย่างครบถ้วน

  • ผักผลไม้ดีต่อร่างกาย

รู้หรือไม่ว่าผักผลไม้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง แต่ในบางครั้งผักผลไม้ที่เราเลือกทานนั้น ก็อาจจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายของเรามีระบบต่าง ๆ ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญผลไม้ หรือผักบางประเภทนั้นก็สามารถช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายบางโรคได้อีกด้วย ยิ่งเราทานอย่างสม่ำเสมอ รับรองได้เลยว่าจะยิ่งดีต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน 

  • ผักผลไม้เป็นอาหารว่างที่ดี

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวัยทำงาน มักที่จะมีพฤติกรรมการเลือกทานอาหารว่างที่ไม่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน ที่อาจก่อนให้เกิดโรคร้าย หรือไม่ดีต่อสุขภาพ ฉะนั้น ขอกบอกเลยว่า ผลไม้เป็นหนึ่งเมนูอาหารว่างที่เราไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นสมองของเราให้ตื่นได้แล้ว ยังดีต่อร่างกาย ไม่ทำให้เราอ้วนได้ง่าย รับรองได้เลยว่าไม่ว่าเราจะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าเราจะมีน้ำหนักที่เพ่มขึ้นหรือไม่

การทดสอบอาการตาบอดสีพร้อมวิธีรักษา

อาการผิดปกติของการมองเห็นสีมักจะเห็นได้ชัดว่าเป็นกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงซึ่งอาการมองไม่ชัดหรือมองไม่เห็นนี้จะเกิดจากความผิดเพียรหรือผิดปกติของการมองเห็นทำให้มีความผิดเพี้ยนจากสีที่ควรจะเป็นโดยเห็นเป็นสีอื่นแต่การมองเห็นนั้นยังเป็นภาพเหมือนกับบุคคลทั่วไปต่างกันแค่สีสันในการมองเท่านั้นที่จะแตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัดยกตัวอย่างเช่นมองสีแดงไม่เหมือนกับสีแดงที่คนสายตาปกติมองเห็นหรืออาจจะเป็นสีอื่นขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นนั้น

โรคของตาบอดสีเกิดจากปัจจัยต่างๆที่มีได้หลากหลายช่องทางให้เกิดขึ้นด้วยกันถ้าหากคุณมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคตาบอดสีหรือยังไม่ทราบว่ามีปัจจัยเสี่ยงเรานั้นหรือไม่สามารถดูได้จากสิ่งเหล่านี้

 ปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดโรคตาบอดสีได้แก่

1.กรรมพันธุ์

สำหรับตาบอดสีสามารถเป็นได้จากกรรมพันธุ์ถ้าหากคนในครอบครัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นโรคตาบอดสีก็อาจจะส่งต่อถึงตัวคุณได้หรืออาจจะส่งต่อไปถึงบุคคลอื่นๆที่อยู่ในครอบครัวของคุณได้เช่นกันดังนั้นถ้าหากเป็นเชื้อสายเดียวกันแล้วมีคนเป็นโรคตาบอดสีนี้ก็ควรที่จะระวังหรือเตรียมรับมือเอาไว้

 2.อายุ

อายุเป็นตัวแปลสำคัญที่จะทำให้ค่าของสายตาเปลี่ยนไปและนั่นก็ทำให้สีในการมองเห็นผิดเพี้ยนไปด้วยดังนั้นเมื่ออายุมากขึ้นก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆตามมาและหนึ่งในนั้นก็คือโรคตาบอดสีได้เช่นกัน

 3.โรคที่เกี่ยวกับดวงตา

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคที่เป็นเกี่ยวกับดวงตา ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการตาบอดสีตามมาได้โดย  เครื่องช่วยฟังอย่างดี   หากคุณมีความเสี่ยงที่เป็นโรคต้อหิน ต่อกระจกหรือแม้แต่จอประสาทตาเสื่อมก็อาจจะเสี่ยงเป็นโรคตาบอดสีได้เช่นกัน

 

4.โรคอื่นๆหรือปัจจัยอื่นๆ

โรคอื่นๆหรือปัจจัยอื่นๆก็ทำให้คุณมีความผิดปกติอาจส่งผลทำให้ตาบอดสีได้ถ้าหากคุณได้รับสารเคมีเป็นระยะเวลายาวนานอาจจะมีผลข้างเคียงส่งถึงดวงตาของคุณได้ดังนั้นไม่ว่าจะเหตุผลใดใดหรืออาจจะไม่ใช่กรรมพันธุ์ก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคตาบอดสีได้ด้วยกันทั้งสิ้น

 เป็นโรคตาบอดสีเป็นอันตรายมากหรือไม่

สำหรับโรคตาบอดสีนี้อาจจะมีการมองสีที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแต่ก็ไม่ได้ส่งผลอันตรายถึงแก่ชีวิตแต่อาจจะมีความเสี่ยงบางชนิดยกตัวอย่างเช่นหากคุณขับรถแล้วมองไม่ออกระหว่างไฟเขียวหรือไฟแดงนานก็อาจจะเป็นอันตรายได้แต่ยุคนี้วิวัฒนาการได้เปลี่ยนไปการที่คุณตาบอดสีขั้นรุนแรงก็สามารถที่จะแก้ไขให้กลับมาเป็นปกติได้

โดยการใส่คอนแทคเลนส์สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ต้องเป็นผู้แนะนำการใช้งานการแก้ไขอย่างถูกต้อง

การดูแลสุขภาพในเอเชียแปซิฟิกสามารถเข้าถึงได้และราคาไม่แพงหรือไม่

การพัฒนาด้านการดูแลสุขภาพในแง่ของการเข้าถึงและระบบการดูแลสุขภาพยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญในหลายประเทศในเอเชีย ตามดัชนีการเข้าถึงการดูแลสุขภาพในเอเชียแปซิฟิกของ The Economist Intelligence Unit* รายงานระบุว่าเอเชียเป็น “การศึกษาในทางตรงกันข้าม”

และเป็นที่ตั้งของประเทศที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดและบางประเทศที่มีประสิทธิภาพต่ำที่สุดตามเกณฑ์เหล่านี้ ประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย (อันดับที่ 4) ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และเกาหลีใต้ ต่างก็ติดอันดับ 20 อันดับแรกของโลก ในขณะที่ประเทศต่างๆ เช่น อัฟกานิสถาน และกัมพูชา พบว่าตัวเองอยู่ใกล้ด้านล่างสุดของดัชนี

ด้านการเข้าถึงของ Global Access to Healthcare Index จะตรวจสอบว่าการเข้าถึงบริการป้องกันและรักษาในกลุ่มโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด (เช่น บริการด้านสุขภาพเด็กและมารดา โรคติดเชื้อ เช่น มาลาเรีย เอชไอวี/เอดส์ วัณโรค และไวรัสตับอักเสบ และ โรคไม่ติดต่อ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็ง และสุขภาพจิต)

ในทางกลับกัน แง่มุมของระบบการดูแลสุขภาพจะวัดเงื่อนไขที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีประสิทธิผลและเกี่ยวข้อง (เช่น นโยบาย สถาบัน และโครงสร้างพื้นฐาน)

การเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายได้

แม้จะอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง เอเชียก็เป็นที่ตั้งของระบบการดูแลสุขภาพที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งทั่วโลกซึ่งอยู่ในอันดับสูงในดัชนี แต่ก็ยังรวมถึงกลุ่มที่เข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างจำกัด การเข้าถึงการดูแลสุขภาพในหลายประเทศในเอเชียนั้นน่ายกย่อง (และปรับปรุง) แต่ความสามารถในการจ่ายส่วนใหญ่ยังคงเป็นสิทธิพิเศษของผู้ร่ำรวยทางเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียใต้ ดร. Asher Hasan ผู้ประกอบการเพื่อสังคมชื่อดังในสหรัฐฯ กล่าวในรายงานว่า “ความสามารถในการเข้าถึงไม่เหมือนกับความสามารถในการจ่ายได้ ระบบสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนหนึ่งสามารถให้ ‘การเข้าถึง’ ในระดับที่เพิ่มขึ้น แต่ความสามารถในการจ่ายไม่ได้นั้นจำกัดการใช้ระบบการส่งมอบการดูแลเหล่านี้”

นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างอย่างมากในแง่ของการเข้าถึงและความสามารถในการจ่ายในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแก่ผู้คนที่กระจัดกระจายไปตามเกาะหลายร้อยเกาะหรือไปยังพื้นที่ห่างไกลถือเป็นเรื่องท้าทายมาก

การปรับโครงสร้างระบบการดูแลสุขภาพ ผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการในการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียใต้ขององค์การแพทย์ครอบครัวโลก (WONCA) ในปี 2559 สรุปว่าการดูแลสุขภาพเบื้องต้นควรเป็นส่วนสำคัญของการปรับโครงสร้างระบบสุขภาพในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่าการฝึกอบรมในชุมชนและความร่วมมือระดับภูมิภาคเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จ

ในเรื่องนี้อินโดนีเซียมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ รัฐบาลได้จัดตั้ง Jaminan Kesehatan Nasional (JKN) ในปี 2014

ซึ่งเป็นระบบประกันแห่งชาติภาคบังคับ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน 250 ล้านคนภายในปี 2019 อย่างไรก็ตาม รายงานชี้ให้เห็นว่าการให้ความคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่เป็นสากลอาจเป็นเรื่องยากมากในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางในเอเชีย เนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานในภาคนอกระบบสูง “สำหรับผู้ที่ยากจนที่สุดในบรรดาผู้ที่ไม่ได้รับเงินเดือน การเข้าถึงประกันสุขภาพมักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ส่งผลให้หลายคนต้องพึ่งพาการจ่ายเงินสด” รายงานระบุ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะทำให้สมองตื่นตัวนานกว่ากาแฟ 

        เชื่อว่าใครหลายๆคนมักจะมีการดื่มเครื่องดื่มเพื่อให้สมองของตนเองตื่นตัวพร้อมกับการทำงานอยู่ตลอดเวลาหรือแม้แต่บางคนที่รู้สึกง่วงนอนก็อยากจะกินเครื่องดื่มที่ทำให้สมองตื่นตัวซึ่งเครื่องดื่มดังกล่าวนั้นจะต้องมีส่วนผสมของคาเฟอีนโดยส่วนใหญ่แล้วก็คือกาแฟนั่นเอง

  คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะ  เรียกได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถขาดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนได้เพราะต้องการที่จะให้คาเฟอีนนั้นไปกระตุ้นการทำงานของสมองทำให้ทำงานได้ไหลลื่นและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในทุกๆเช้าผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีการดื่มเครื่องดื่มประเภทกาแฟเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามในคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีเฉพาะเพียงแค่ในกาแฟเท่านั้นพ่อแม้แต่ชาวเขียวมัทฉะเองก็มี คาเฟอีนเป็นส่วนผสมเช่นเดียวกัน 

 อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับคาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะด้วยผู้ที่ทำการวิจัยได้มีการออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในชาเขียวมัทฉะนั้นว่าถ้าหากใครที่มีการกินชาเขียวมัทฉะเข้าไปเมื่อนำมาเปรียบเทียบคาเฟอีนกับกาแฟแล้วปรากฏว่ากาแฟในคาเฟอีนนั้น

มีน้อยกว่าในชาเขียวมัทฉะเป็นอย่างมาก ดังนั้นสามารถกล่าวสรุปได้ว่าหากใครที่กินชาเขียวมัทฉะก็จะมีความรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าได้นานกว่าการที่กินคาเฟอีนเลยทีเดียว 

 สำหรับการวิจัยที่มีการปรากฏออกมาและมีการถูกนำเสนอเป็นข่าวสารไปทั่วโลกนั้นมีการระบุว่าทางสถาบันการวิจัยได้มีการตรวจสอบสารคาเฟอีนทั้งในกาแฟและในชาเขียวมัทฉะในปริมาณที่เทียบเท่ากันโดยจะเห็นได้ว่าร่างกายนั้นสามารถดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟโดยใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีน

ยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน นาทีเท่านั้นแต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าเป็นการดูดคาเฟอีนจากชาเขียวมัทฉะนั้นจะใช้เวลานานมากกว่าดังนั้นเมื่อคาเฟอีนยังคงออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายนาน  ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในการทำงานการสดชื่นก็จะ นานขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง 

  อย่างไรก็ตามสำหรับคาเฟอีนนั้นถ้าหากว่าเรากินในปริมาณที่พอเหมาะก็จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้แต่ถ้าหากว่าเรามีการกินคาเฟอีนมากจนเกินไปก็ก็อาจจะส่งผลเสียตามมาด้วยได้เช่นเดียวกันอย่างเช่นอาจจะทำให้เกิดอาการใจสั่นหรือปวดหัวรวมถึงคลื่นไส้ได้ด้วย 

ดังนั้นถ้าหากต้องการได้รับประโยชน์จากการกินคาเฟอีนเข้าไปแล้วล่ะก็ควรจะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะเพราะมันจะไปช่วยการเผาผลาญพลังงานและไขมันนอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้สมองมีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาหาช่วยอิ่มที่คนลดน้ำหนักไม่ควรพลาด

ใครคิดที่จะลดน้ำหนักอยุ่ ต้องบอกก่อนเลยว่าเราจะต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักกันให้ดี เพราะในสมัยปัจจุบันนี้มีวิธีการมากมายที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยนี้อาการกินนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิของเราเป็นอย่างมาก

อาหาช่วยอิ่มที่คนลดน้ำหนัก เพราะคนเราไม่ว่าใครก็อยากที่จะทานอาหารอร่อย ๆ หรือเมนูโปรดของตนเองกันทั้งนั้น แถมในสมัยนี้ก็มีอาหารมากมายที่มีรสชาติอร่อยถูกปาก

และแน่นอนว่าหากเรารับประทานอาหารให้ตามใจปากนั้นก็จะยิ่งทำให้เราอ้วน หรือมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาได้ จนเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนนั้นเริ่มที่จะหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะการลดน้ำหนัก เพื่อให้ได้รูปร่างตามที่ตนเองต้องการ หรืออาจจะเป็นการสร้างรูปร่างของตนเองให้ดูดีนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าสมัยนี้คนส่วนใหญ่มักที่จะมองหาวิธีการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการลดน้ำหนักด้วยการเลือกรับประทานอาหาร รับรองได้เลยว่านอกจากจะช่วยให้เราอิ่มท้องได้แล้ว สายลดน้ำหนักจะต้องไม่พลาดกันอย่างเด็ดขาด จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้าง ไปดูกันเลย 

1.เจลาติน รู้หรือไม่ว่าอาหารชนิดนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ แถมยังมีแคลอรีที่น้อยมาก ๆ อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก การที่เราเลือกทานอาหารประเภทนี้ขอบอกเลยว่าไม่เพียงแต่ช่วยทำให้เรานั้นรู้สึกอิ่มท้องได้ แต่ยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย 

2.เมล็ดเจีย เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ขอบอกเลยว่าสายลดน้ำหนัก หรือใครที่คิดจะลดน้ำหนักนั้นต้องไม่พลาดกันอย่างเด็ดขาด เพราะอาหารประเภทนี้จะอุดมไปด้วยกรดโอเมก้า3 ในปริมาณที่สูงมาก ๆ แถมยังมีไฟเบอร์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ หากใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ขอบอกเลยว่าหากเลือกทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำ จะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

3.ลูกแพร์ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าลูกแพร์อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงมาก ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญลูกแพร์ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรงได้อีกด้วย

ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ช่วยทำให้เราอิ่มท้องขอบอกเลยว่าต้องไม่พลาดอาหารประเภทนี้ 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

แนะนำวัคซีนโควิด-19 จากสหรัฐอเมริกา การเตรียมตัวก่อนฉีด และหลังฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีด ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาดนั้น แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องดูแลตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้ง การสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน หลบเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ผู้คนแออัด ล้างมือบ่อย ๆ  ทั้งล้างด้วยสบู่ หรือแม้กระทั่งทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ อีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยได้ คือการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยวัคซีนโควิด-19 วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักวัคซีนโควิด-19 กัน และการเตรียมตัวก่อนฉีด และหลังฉีด

 

– Pfizer  เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างประเทศเยอรมัน และสหรัฐอเมริกา  เครื่องช่วยฟังฟรี   สมรรถนะสำหรับเพื่อการปกป้อง 80 – 90% ปริมาณโดสที่ต้องได้รับคือ 2 โดส โดยแต่ละโดสจะฉีดห่างกัน 3 อาทิตย์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดรอบ ๆ ที่ฉีด อาจจะไข้ หมดแรง หลังรับวัคซีน

– Moderna จากประเทศสหรัฐอเมริกา ความสามารถสำหรับเพื่อการคุ้มครอง 95% ปริมาณโดสที่ต้องได้รับคือ 2 โดส ระยะการฉีดห่างกัน 4 อาทิตย์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดศีรษะ ปวดตัว เหน็ดเหนื่อย หลังรับวัคซีน

– Johnson & Johnson จากประเทศสหรัฐอเมริกา สมรรถนะสำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้อง 67% ปริมาณโดส 1 โดส ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ปวดศีรษะ ปวดกล้าม อาเจียน ข้างหลังรับวัคซีน

ก่อนเข้ารับการฉีดยา ควรสำรวจตนเอง แม้มีโรคประจำตัวหรือยาที่จะต้องกิน ควรจะแจ้งหรือหารือกับคุณหมอก่อนเข้ารับวัคซีน อีกทั้งต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย รวมทั้งงดเว้นการบริหารร่างกาย พร้อมพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถ้ามีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บเจ็บ ป่วยป่วย ๆ เกิดขึ้น ควรจะเลื่อนการฉีดออกไปอย่างต่ำ 1 – 2 อาทิตย์ และสุดท้ายคือ ก่อนเข้ารับวัคซีนควรงดเว้นคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

 

การดูแลตัวเองหลังรับวัคซีน

– ในกรณีที่จับไข้สูง 38 องศาเซลเซียส เมื่อยตัว อ่อนแรงผิดปกติ ควรจะกินยาพาราเซตามอลขั้นต่ำ 1 เม็ด แต่ว่าให้หลบหลีกยาพาราประเภทแรง ที่อาจไปมีส่วนเกี่ยวกับการสนองตอบของร่างกาย ทำให้วัคซีนทำงานได้ลดลง

– อาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นมีเพียงแค่ 10% ของคนที่รับวัคซีน

ผลกระทบที่เจอ ดังเช่นว่า เมื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดกล้าม และก็เป็นไข้ แต่ทั้งนี้สามารถหายได้เองหลังฉีดยาราว 3 – 4 วัน ส่วนผลกระทบร้ายแรงนั้น เจอน้อยมาก โดยควรจะเฝ้าระวังภายหลังจากฉีดไปแล้ว 30 นาทีแรก แต่ว่าหากมีลักษณะอาการแพ้มาก จะแสดงให้เห็นเลยใน 15 นาที สำหรับคนที่มีประวัติการแพ้ยา ควรจะแจ้งหมอให้รู้ก่อนฉีดยา

และภายหลังได้รับวัคซีนแล้ว พึงสังเกตอาการต่อที่บ้าน ซึ่งถ้าหากพบอาการหลังได้รับวัคซีนไปแล้ว 30 นาที อาการมักไม่ร้ายแรง ก็ให้ทำการจดบันทึกความไม่ปกติทุก ๆ อย่างที่เจอภายหลังการฉีดยา