ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ทำคนไทยป่วย

 

ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ทำคนไทยป่วยเป็นจำนวนมากนับวันค่าฝุ่นละอองยิ่งสูงขึ้นอากาศแย่สุดๆ 

        ช่วงประมาณปลายเดือนมกราคมปีพศ. 2563 เป็นช่วงที่ประชาชนคนไทยนั้นประสบกับปัญหาเรื่องของค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งสูงเกินมาตรฐานและมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆหลายคนออกมาพูดถึงประสบการณ์ของตนเองหลังจากได้มีการสูดเอา PM 2.5 เข้าไปในปอดว่ามักจะมีอาการหายใจติดขัดรวมถึงสุขภาพร่างกายค่อนข้างมีปัญหาบางคนไอออกมาเป็นเลือดทำให้หลายๆคนนั้นจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย

ก่อนออกจากบ้านซึ่งปัญหาเรื่องค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูงนั้นไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้กันมาก่อนหน้านี้แล้วเกือบปีโดยหลายคนได้รับผลกระทบรวมถึงเด็กๆที่จะต้องไปโรงเรียนทำให้ทุกวันนี้เด็กๆทุกคนจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละอองทำให้ดาราหลายคนรวมถึงประชาชนหลายคนต่างก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลมีการจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะการใช้ชีวิตประจำวัน

ของแต่ละคนนั้นค่อนข้างลำบากในการที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าเวลาที่ใส่หน้ากากอนามัยแล้วจะหายใจลำบากนั่นเองแต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตรวจสอบออกไปเกี่ยวกับเรื่องของค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผิดปกตินี้จะพบปัญหาว่าเกิดมาจากการใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมากที่มีการปล่อยควันดำออกมาซึ่งเป็นมลพิษของท่อไอเสียของรถยนต์รวมถึงชาวต่างจังหวัดเองก็มักจะมีการเผาฟางหรือเผาป่าทำให้มีควันไฟพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นจำนวนมากและนี่เองคือผลที่ตามมาจากการทำให้เกิดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 นี้ดังนั้นวิธีการแก้ไขปัญหาก็คือทางรัฐบาลเองขอความร่วมมือประชาชน

ในการใช้รถใช้ถนนหากรถของใครนั้นที่มีควันดำควรจะไปให้ช่างปรับปรุงแก้ไขปัญหาควันดำให้เรียบร้อยและมีการออกประกาศจากรถไหนที่มีควันดำรวมถึงหากรถคันไหนที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีก็ให้ไปเปลี่ยนรถคันใหม่และที่สำคัญมีการประกาศออกกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของการเผากองฟางและต่อข้าวรวมถึงการบุกรุกเผาทำลายป่า

ซึ่งทำให้เกิดประกายไฟและควันพวยพุ่งหากจับได้จะมีความผิดทางกฎหมายซึ่งถึงแม้ว่าทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบอย่างเข้มข้นแต่ก็ยังมีชาวบ้านที่ลักลอบจุดไฟเผาป่านั่นเองซึ่งในขณะนี้ทุกๆคนในประเทศกำลังได้รับผลกระทบจากการกระทำของตนเองอยู่เพราะว่าอากาศที่เป็นพิษนั้นไม่ได้มีเฉพาะในเขตกรุงเทพฯเท่านั้นตอนนี้ตามต่างจังหวัดต่างๆ

ก็ประสบปัญหาเรื่องของค่า PM 2.5 สูงหลายจุดเลยทีเดียวดังนั้นหากต้องการที่จะให้อากาศกลับมาบริสุทธิ์เหมือนเดิมทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันเลิกเผาป่าและตรวจสอบรถให้มีสภาพการใช้งานให้ดีอย่าให้มีควันดำเกิดขึ้นนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บหวยถอนขั้นต่ำ 100

กฎในการลดน้ำหนักถ้าทำได้ผอมแน่นอน

ไม่ว่าเราจะเป็นหนุ่มหรือว่าสาวๆที่ต้องการที่จะลดน้ำหนักเพราะว่าเราต้องการที่อยากที่จะมีรูปร่างทีดีและต้องการที่ไม่อยากที่จะมีโรคภัยไข้เจ็บแต่ว่าการที่เราจะออกกำลังกายเป็นเรื่องที่เราต้องทำเป็นสิ่งต้นอยู่แล้วแต่ว่าเรื่องการกินก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งเพราะว่าการที่เรากินอาหารที่ทำให้เราอ้วนได้เหมือนกันและเมื่อเรากินเข้าไปก็อาจจะทำให้ผลที่เราต้องการที่จะลดน้ำหนักเป็นศูนย์ได้เหมือนกัน

  • เราควรที่จะงดจำพวกน้ำดื่มที่รสหวานอย่างเช่นน้ำปั่นต่างๆที่ใส่น้ำเชื่อม  หรือว่าจะเป็นน้ำอัดลมอย่างนี้เป็นต้น เมื่อเราต้องการที่จะลดน้ำหนักสิ่งแรกที่เราควรที่จะงดนั้นคือน้ำจำพวกนี้รวมไปถึงน้ำกาเขียว กาแฟ  อย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าใครที่นานกินทีก็ไม่เป็นอะไร  แต่ใครที่ทานกันทุกวันบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่เราจะควรงดทันทีและควรที่จะหันมาทานน้ำเปล่าแทนดีกว่า  
  • เราควรที่จะเลิกทานเกี่ยวกับเค้ก หรือว่าเบเกอร์รี่อย่างนี้เป็นต้นเพราะว่าใครที่ชื่นชอบเมื่อเราต้องการที่จะลดน้ำหนักเราควรที่จะหยุดก่อนเพราะว่าไม่อย่างนั้นก็อาจจะทำให้สิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นเรื่องที่เราทำไปแล้วศูนย์เปล่านั่นเอง และดังนั้นเราก็ควรที่จะหยุดก่อนในช่วงนี้นั่นเอง  
  • การที่เราควรที่จะงดเกี่ยวกับน้ำมันหรือว่าของทอด  ส่วนใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับการกินไก่ทอด  หมูทอดอย่างนี้เป็นต้น หรือว่าจะเป็นมันหมูหรือว่าหมูสามชั้นทอดอย่างนี้เราก็ควรที่จะหยุดกินก่อนเพราะว่าเป็นเรื่องที่จะทำให้เราอ้วน หรือว่าจะเป็นการทำกับข้างเกี่ยวกับการที่เราต้องใช้น้ำมันที่เยอะนั่นเอง  เพราะว่าอย่างนี้นั่นเองก็เลยเป็นเรื่องที่เราควรที่จะหลีกเลี่ยง
  • งดอาหารเกี่ยวกับฟาร์ฟู๊ด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เราชื่นชอบการพิซซ่า  แฮมเบอร์เกอร์ นักเกต เฟรนซ์ฟรายด์ เพราะว่าอาหารจำพวกนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เรายิ่งกินยิ่งอ้วนมากขึ้นดังนั้นเราก็ควรที่จะงดก่อนในช่วงที่เราควบคุมอาหารอยู่นั่นเองเพราะว่ามีแต่สิ่งที่ทำให้อ้วนและเรื่องผักก็ไม่ค่อยที่จะมีเพราะว่าเป็นอาหารที่มีเนื้อๆ
  • ไม่ควรที่จะอดอาหารดังนั้นเมื่อเราต้องการที่จะควบคุมน้ำหนักเราควรที่จะทานอาหารให้ครบทุกมื้อเพราะว่าอาจจะทำเราเกิดเป็นโรคต่างที่ตามมานั่นเองดังนั้นเราควรที่จะทานอาหารให้ครบทุกมื้อเพื่อที่จะให้ร่างกายของเราได้พลังงานเกี่ยวกับการใช้พลังงานนั่นเอง  หรือว่าเราจะเลือกเป็นอาหารที่เบาๆเพราะว่าจะได้ทำให้ท้องของเราไม่หิวนั่นเอง  

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ซื้อหวยฮานอยออนไลน์

วิธีแลตัวเองหลังผ่าคลอด 

วิธีในการที่เราต้องดูแลตัวเองเพื่อที่จะรู้อาการเกี่ยวกับหลังผ่าตัดเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจในการดูแลเพราะว่าเราไม่รู้ว่าหลังจากการที่เราผ่าตัดไปแล้วจะเจอกับอาการอย่างไร  ดังนั้นเราก็เลยมาบอกว่าสำหรับการที่เราต้องดูแลหลังผ่าตัดมีอะไรบ้างและเราต้องดูแลตัวเองอย่างไร  

  1. หลังจากที่เราผ่าตัดหลังคลอดเราอาจจะมีอาการเกี่ยวกับการที่เราเป็นไข้ เพราะว่าเกิดจากแผลผ่าตัด หรือว่าเกิดจากการอักเสบของมดลูก  หรือว่าเกิดจากการที่เป็นนมคัดก็อาจจะทำให้เราเป็นไข้ได้เหมือนกัน  ดังนั้นเราก็ควรที่จะเช็คสุขภาพร่างกายของเราด้วย
  2. สังเกตเกี่ยวกับเรื่องแผลที่เราได้รับการผ่าตัดมาเพราะว่าการที่เราได้ผ่าตัดออกมาแล้วแผลของเราต้องเป็นไปอย่างที่เราคิดนั่นก็คือว่าดีขึ้นเรื่อยๆและเวลาที่เราเดินเริ่มที่จะเดินยืดตัวได้อย่างดีขึ้น  แต่ถ้าอาการที่เรายังรู้สึกว่าเรายังเจ็บแผลมากกว่าเก่าเราก็ควรที่จะรีบไปหาหมอเพื่อที่จะเช็คและก็เริ่มที่ตรวจเช็คแผล  
  3. เวลาที่เราลุกขึ้นเราต้องมีความช่วยเหลือตัวเองเพราะว่าการที่จะให้เราลุกขึ้นยืนเลยเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถที่จะทำได้ดังนั้นเราต้องค่อยๆลุกขึ้นเป็นการที่เราใช้วิธีในการตะเเคงข้างเพียงการลุกขึ้น เพราะว่าจะช่วยให้อาการที่เรารู้สึกเจ็บช่วยให้เบาขึ้นได้นั่นเอง  
  4. ในเวลาที่เรานอนเราควรที่จะนอนให้ลูกว่านิดหน่อยเพราะเราอาจจะทำให้แผลของเรารู้สึกว่าหย่อนได้นั่นเอง เหตุผลนี้จะช่วยเราได้อาจจะไม่ทำให้เกิดอาการที่เจ็บแผลมากนั่นเอง  
  5. มดลูกข้างในไม่บวม แต่ว่าจะเป็นการที่เรารู้สึกได้ว่ามดลูกของเราเริ่มที่จะบีบตัว เพราะว่าเริ่มจากที่ลูกของเรากินนมเรานั่นเอง  และเมื่อลูกกินนมเราจะช่วยในเรื่องของการมดลูกเข้าที่ได้เร็วมากขึ้น แต่ว่าสิ่งที่เราต้องระวังนั่นก็คือการที่เราจะตกเลือดเพราะว่าเป็นจุดที่เสี่ยงอย่างมากนั่นเอง  เพราะว่าเราเป็นแผลที่ผ่าคลอด  เราอาจจะตกเลือดได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง   
  6. สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอดหลังจากที่เรานอนพักฟื้นในช่วงแรกเราอาจจะไม่รู้ว่านำคาวปลามาเพราะว่าเรายังมีอาการที่เรานอนอยู่แต่พอเมื่อเราลุกขึ้นยืนเพียงเท่านั้นเลือดของเราจะหลุดออกมาชนิดที่เรียกว่ารู้สึกได้เลย  นั่นเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมากไม่ตกใจ  พอสักสามวันไปแล้วน้ำคาวปลาก็จะค่อยๆจางลง เพราะว่าคุณหมดได้ทำความสะอาดให้บ้างในช่วงที่เราทำการผ่าตัดนั่นเอง  

ในเรื่องของการที่เราดูแลแผลผ่าตัดหลังคลอดเป็นเรื่องที่เราคิดว่าไม่ได้หน้ากลัวอะไรแต่เพียงแค่เราสังเกตอาการของตัวเองว่าเป็นอย่างไร นั่นเอง  ถ้าเรามีอาการที่เรารู้สึกว่าปวดเราก็แค่กินยาพาราเพื่อที่จะบรรเทาอาการปวดนั่นเอง  

 

 

สนับสนุนโดย  เว็บหวยถอนไม่มีขั้นต่ำ

วิธีบริหารโรคฝ่าเท้าอักเสบ หรือโรครองช้ำ

โรคของฝ่าเท้าอักเสบหรือว่าจะเป็นโรครองช้ำนั้นก็เกิดจาการที่เรายืนทำงานเป็นเวลาที่นาน และก็การที่เรามีน้ำหนักตัวที่มากและเราต้องยืนนานนั้นก็จะทำให้เราเกิดอาการที่เจ็บที่ฝ่าเท้านั่นเองการที่เราเป้นอย่างนี้นั้นเมื่อเราปล่องทิ้งไว้ไม่ดีอย่างแน่นอนเพราะว่าเรานั้นจะไม่สามารถที่จะทำอะไรนั้นได้เราควรที่จะรีบรักษาหรือว่าแม้แต่การที่เราออกกำลังกายมาเกินไปนั้นก็จะทำให้เราเกิดอาการเจ็บที่ฝ่าเท้าได้เหมือนกัน 

การที่เราเลือกใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับฝ่าเท้านั้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุอีกเช่นกัน    ซึ่งวันนี้เรานั้นจะมาบอกวิธีในการที่เราเอาท่าบริหารนั้นมาฝากว่าเรานั้นควรที่จะบริหารแบบไหนเมื่อเรานั้นรู้สึกว่าเราเป็นมีอาการที่เจ็บฝ่าเท้านั่นเอง  

ท่าแรก คือการที่เรานั้นเหยียดขาข้างใดข้างหนึ่งจากนั้นเราก็เอาผ้านั้นมาคล้องเอาไว้ที่ปลายเท้าจากนั้นเราก็ดึงผ้าเพื่อที่จะให้ปลายเท้าของเรานั้นตึงและเราก็ทิ้งเอาไว้สัก สิบถึงสิบห้านาทีจากนั้นเราก็สลับข้างทำอย่างนี้บ่อยๆ

ท่าทีสอง นั้นเราต้องยืนเข้ากับกำแพงจากนั้นเราก็ยืนตรงเอามือทั้งสองข้างนั้นดันกำแพงจากนั้นเราเอาเท้ามาข้างหน้าหนึ่งข้างและเรานั้นก็ถอยขาข้างที่สองออกไปสองเก้าจากนั้นเอาเท้าข้างที่ที่อยู่ข้างหลังนั้นเหยียดตรง  เท้าที่อยู่ข้างหน้านั้นย่อเข่าลงแต่ว่าจากนั้นเราก็๖องเหยียดขาข้างที่สองนั้นต้องยืนตรงโดยที่เรานั้นทิ้งเอาไว้อย่างนั้นสักสิบถึงสิบห้านาทีทำอย่างน้อยสามถึงห้าครั้ง  

ท่าที่สาม นั้นเราก็ต้องก็เปลี่ยนท่าที่สองนั้นเปลี่ยนจากขาอีกข้างและเราก็ทำเหมือนกับท่าที่สองเลย

ท่าที่สี  ให้เรานั้นนั่งที่เก้าอี้จากนั้นเราก็เอาลูกขวดน้ำที่เราเป็นขวดแก้วนั้นมาวางแล้วเอาเท้าของเรานั้นเหยียบที่ที่ขวดโดยที่เรานั้นคลึงไปคลึงมาอย่างนี้จนทำให้เรานั้นรู้สึกว่าพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้านั้นคลายตัว  

ท่าที่ห้า  โดยที่เรานั้นเริ่มที่จะนั่งบนเก้าอี้จากนั้นเราก็เอาเท้าที่เรารู้สึกว่าเรามีอาการปวดนั้นมาวางบนตักหรือว่าน่องจากนั้นเราก็เอามืออีกข้างนั้นมาดึงที่ปลายนิ้วเท้าโดยเป็นการ ที่เราดึงนิ้วเท้าจากนั้นจะทำให้เรารู้สึกว่าอาการที่เราตึงนั้นคลายเรานั้นทำค้างเอาไว้ สักห้านาที เพราะว่าจะให้อาการนั้นคลายอาการปวด

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  หวยจับยี่กีเล่นยังไง

วิธีแก้ไขรูขุมขนที่กว้าง

ในวันนี้เราจะมาเอาใจสาวๆที่ผิวเป็นรูขุมขนที่กว้างเพราะว่าเรามีเคล็ดลับในการที่จะทำให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นนั่นเอง  เพราะว่าการที่เราจะเห็นได้ว่าวิธีที่เราบอกไปได้ผลที่ดีและทำให้รูขุมขนเกิดการหดตัวลงนั่นเองซึ่งในวิธีนี้มีอะไรบ้างที่ช่วยให้รูขุมขนของเราเล็กลงนั่นเองไปดูกัน 

1.การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและน้ำเย็นตบท้าย  ในการที่เราต้องล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก็เพราะว่าเป็นการที่เราเปิดรูขุมขนที่มีสิ่งที่ตกค้างอยู่นั่นเอง  เพื่อที่จะได้ชำระล้างได้หมด และสุดท้ายในการที่เราเอาน้ำเย็นล้างหน้าก็เพราะว่าน้ำเย็นจะเป็นตัวช่วยในเรื่องของการที่ทำรูขุมขนของเราเกิดการกะชับมากขึ้น แต่ว่าแค่แปบเดียวเพียงเท่านั้น  

เคล็ดลับก็คือการที่เราเอาผ้าที่ชุบน้ำเย็นมาประคบที่ใบหน้าของเรานั่นเอง  แต่ว่าไม่ใช่การที่เราจะเอาน้ำแข็งมาถูที่หน้านะเพราะว่าการที่เราเอาน้ำแข็งถูหน้าจะทำให้เกิดหน้าที่เป็นรอยไหม้ได้นั่นเอง   

2.การที่เราใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับผิวหน้าของเรานั่นเอง  เพราะว่าสูตรของสกินแคร์มีหลายอย่างนั่นเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนผสมของ bha หรือว่าจะเป็นวิตามิน ต่างที่ทำให้ผิวหน้าของเรากระชับมากขึ้นนั่นเอง  

3.การที่เราสครับหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละสองถึงสามครั้งต่ออาทิตย์เพราะว่าจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการที่ทำความสะอาดใบหน้าของเรานั่นเองเพื่อที่จะได้ล้างสิ่งที่สกปรกอยู่ที่หน้าของเราให้ออกให้หมดนั่นเอง  และการที่เราทำสครับหน้าก็เป็นเรื่องที่ช่วยในการฟื้นฟูผิวของเรานั่นเอง  เพื่อที่จะไม่ให้เป็นตัวก่อเกิดการเป็นสิว และยังช่วยในเรื่องของการขจัดความมันออกไปด้วยนั่นเอง  และสิ่งที่สำคัญนั้นก็คือการที่เราจะได้เห็นรูขุมขนของเราเล็กลงอย่างต่อเนื่อง   

4.การมาสก์หน้าด้วยโคน  ในการที่เราเลือกที่จะมาส์กหน้าเราไม่ควรที่จะทำวันเดียวกับการทำสครับที่หน้าเพราะว่าจะเป็ฯการทำร้ายผิวของเราเนื่องมาจากการที่เราใช้งานหน้าที่มากเกินไปดังนั้นเราควรที่จะเลือกในการสครับหน้าของเราแล้วทิ้งช่วงอย่างน้อยสักสองวันค่อยมาส์กหน้านั่นเอง  ในการมาส์กเป็นการช่วยในเรื่องของการดูดความมันออกจากใบหน้าของเรานั่นเอง  เพื่อที่จะเอาสิ่งที่ตกค้างหรือว่าสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าของเรา และยังช่วยในเรื่องของการที่จะขจัดไม่ให้เกิดสิวรวมไปถึงรูขุมขนที่เล็กลงอีกด้วยนั่นเอง  

5.การทาครีมกันแดด  ในการที่เราทาครีมกันแดดเราควรที่จะทาตอนออกก่อนจากบ้านเป็นประจำเพื่อที่จะได้ช่วยในเรื่องของ  ยูวีเอ ที่เป็นตัวการเกี่ยวกับการที่ทำให้ผิวของเราเกิดการเป็นร฿ขุมขนที่กว้างมากขึ้นนั่นเอง  

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  วิธีสมัครเล่นหวยฮานอย

เรื่องของหูดูแลไม่ยากขอแค่ใส่ใจ 

เราโตมากับคำว่าให้ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ รักษาสุขภาพ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การทำหุ่นให้ดูดี หรือไปโฟกัสที่ส่วนอื่นของร่างกาย น้อยคนมาที่จะหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของช่องหู ซึ่งมีความสำคัญกับการใช้ชีวิตมากๆ เพราะถ้าวันหนึ่งที่เรามีปัญหาทางการได้ยิน รับรองได้เลยว่าเราจะชีวิตได้ยากมากขึ้นแน่นอน 

สำหรับการดูแลสุขภาพในช่องหูนั้น ทำไม่ยากแต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ เพราะช่องหูนั้นเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก หากได้รับความกระทบกระเทือนนิดหน่อย อาจส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาได้ ซึ่งระยะแรกที่ควรทำประจำคือการไม่ใช้ที่แคะหูแหลมๆ เพื่อเขี่ยให้ขี้หูออกมา เพราะหูอาจอักเสบ และรุนแรงถึงขั้นแก้วหูทะลุได้ หลังการสระผมเราควรใช้คัตตอนบัตปั่นหูอย่างเบามือ และควรไปหาหมอหูเพื่อเช็กสุขภาพของช่องหูเป็นประจำทุกปี 

เรื่องของขี้หูนั้น บางคนยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสิ่งที่เอาออกมาให้หมด อย่าให้เหลือเพราะกลัวว่าจะสกปกรก แต่ในความเป็นจริง ขี้หูในจำนวนที่ไม่เยอะเกินไป ช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอม ไม่ให้เข้าไปในรูหู ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบหรือบาดเจ็บได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรปล่อยให้ขี้หูเยอะเกินไป เพราะถ้าเยอะไปจะทำให้หูเราตึงได้ และถ้าหูตึงจากปริมาณขี้หูที่เยอะมากๆ จะต้องไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจรักษา 

การรักษาอาการขี้หูอุดตั้นนั้น ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการสะสมมาหลายปี จนขี้หูเกิดการแข็งตัวเกินกว่าที่จะแคะได้เอง ซึ่งต้องให้แพทย์จัดการ โดยขั้นตอนแรกแพทย์เฉพาะทางจะตรวจช่องหูโดยใช้เครื่องมือที่สามารถส่องเข้าไปดูได้ และใช้น้ำยาหยอดเข้าไปเพื่อละลายขี้หูให้นิ่มลง ซึ่งขั้นตอนนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละเคส บางคนขี้หูอาจนิ่มและดูดได้เลยในครั้งแรก แต่บางคนต้องใช้ยาหยอดเองที่บ้านร่วมด้วย เพราะขี้หูแข็งและหนาเกินไปกว่าที่จะทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งตัวเราเองต้องให้ความร่วมมือกับคุณหมอด้วย เพราะจะมีผลให้การรักษาได้ผลมากที่สุด 

หลังจากที่ขี้หูนิ่มลงแล้ว บางรายขี้หูอาจจะไหลออกมาเองอย่าเพิ่งตกใจ เป็นปกติของการคายตัว และเป็นสัญญาณว่าขี้หูของคุณนิ่มจนสามารถให้แพทย์ดูดออกได้แล้ว และเมื่อดูดขี้หูออกหมดแล้ว จะมีวิธีสังเกตก็คือบ้านจะหมุน เราต้องรีบบอกแพทย์ และจะหยุดการรักษาในทันที ซึ่งอาการบ้านหมุนนั้นคือคำตอบว่าขี้หูออกไปหมดแล้ว 

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  หวยฮานอยพารวย

มาทำความรู้จักผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่คนนิยมนำมารับประทาน

เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักผลไม้ตระกูลเบอร์รี่กันบ้างแล้ว เพราะเราจะเห็นได้จากสื่อโฆษณาที่จะออกมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่ระบุเอาไว้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะช่วยในเรื่องการการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยในเรื่องของการชะลอการแก่ก่อนวัย ผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่ง กินแล้วไม่อ้วน และยังช่วยบำรุงสายตา ทั้งนี้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นี้เราจะเห็นว่ามีสีสันสวยงามมีรูปร่างแตกต่างกันบางผลเป็นแบบกลมมน บางผลขรุขระ ทั้งนี้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะมีรสหวานๆเปรี้ยวๆ

ซึ่งวันนี้เราจะมาแจกแจงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ให้ฟังโดยเน้นชนิดที่ผู้คนนิยมกินกันว่ามีอะไรบ้างและมีประโยชน์ยังไง

  1. Blueberry  เป็นผลไม้ที่มีผลสีม่วง มีลักษณะเป็นลูกกลมๆเล็กๆมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่จะเน้นในเรื่องของช่วยในเรื่องของความจำและช่วยยับยั้งความเสื่อมโทรมของร่างกาย และยิ่งถ้าสามารถกินเป็นประจำทุกวันได้จะยิ่งดีเพราะช่วยในเรื่องของการป้องกันการเป็นโรคหัวใจ ซึ่งในบลูเบอร์รีมีวิตามินซีสูงจะช่วยเรื่องของผิวพรรณที่สวยงามด้วย
  2. Raspberry สำหรับราสเบอร์รี่จะค่อนข้างมีหลายสายพันธุ์และมีหลายสี โดยจะมีทั้งสีแดง  สีม่วง และสีม่วงเข้ม แต่ที่นิยมนำมาบริโภคกันมากที่สุดจะเป็นสายพันธุ์สีแดงอมชมพูเข้ม ซึ่งจะอุดมไปด้วยกรดเอลลาจิกที่เป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ สำหรับราสเบอร์รี่จะมีรสชาติออกเปรี้ยวๆ ทั้งนี้ราสเบอร์รี่จะช่วยในเรื่องการป้องกันการเกิดมะเร็งและยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย
  3. Blackberry   สำหรับแบล็กเบอร์รี่จะมีหลายสายพันธุ์ด้วยกันมีรสออกเปรี้ยวอมหวาน ผลจะเป็นสีดำลักษณะจะเป็นเหมือนเมล็ดอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ในผลแบล็กเบอร์รีจะมีสารอาหารมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินจะมีทั้งวิตามินบี  วิตามินซี และวิตามินเค และยังมีเกลือแร่อีกด้วย ซึ่งจะช่วยในเรื่องป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้และโรคหัวใจ ที่สำคัญยังช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูคาลลาเจนในร่างกายให้เรามีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งสวยงามและชะลอการแก่ก่อนวัยได้อีกด้วย
  4. Mulberry  หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีเพราะกำลังเป็นที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทย โดยมีชื่อไทยๆว่าลูกหม่อน ลักษณะของผลจะมีผิวขรุขระเหมือนเป็นเม็ดเล็กๆรวมติดกัน มีสีแดงอมม่วงและหากสุกมากจะเป็นสีม่วงเข้ม ซึ่งจะมีรสเปรี้ยวอมหวาน สำหรับมัลเบอร์รี่จะช่วยในเรื่องของความจำให้มีความจำดีและยังในเรื่องของการต้านโรคมะเร็ง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  relx pod น้ำยา

โรคหัวใจกับปัจจัยเสี่ยง

โรคหัวใจกับปัจจัยเสี่ยง
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคเส้นโลหิตหัวใจ คือโรคหนึ่งที่สำคัญของเมืองไทย โดยเหตุนั้นเพื่อความไม่ประมาทประชากรควรจะตระหนักถึงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ อาทิเช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง สภาวะไขมันในเลือดแตกต่างจากปกติ ดูดบุหรี่ ความตึงเครียด โรคอ้วน แล้วก็พันธุกรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุนำไปสู่โรคเส้นเลือดหัวใจตีบหรือตันได้ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แบ่งได้ตามลักษณะของการเกิดการแสดงอาการมี 2 แบบ คือ
1. แบบเรื้อรังมีสาเหตุจากการการตีบของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีไขมันไปเกาะฝาผนังของเส้นเลือด ทำให้เส้นโลหิตแดงตีบแคบเล็กลงหรือลีบ นำมาซึ่งการทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งคนเจ็บจะมีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บอกในตอนที่ออกแรง เมื่อนั่งพักแล้วจึงรู้สึกดีขึ้น
2. แบบรุนแรงซึ่งมีเหตุมาจากการปริแตกข้างในของฝาผนังเส้นเลือด ทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะแล้วก็มีการอุดตันที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยง จนถึงเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจทำให้บางรายเสียชีวิตแบบทันควันได้

ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มว่า อาการโรคเส้นโลหิตหัวใจแบ่งเป็น 2 แบบตามลักษณะของการเกิดอาการ
1.แบบเรื้อรัง อาการลักษณะอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นแบบกระทันหัน แม้กระนั้นจะเกิดจากการสั่งสมของคอเลสเตอรอลที่ฝาผนังเส้นเลือดทำให้มีการตีบแคบของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงหัวใจ มักกำเนิดในบุคคลที่มีการเสี่ยงได้เบาหวาน โรคความดันเลือดสูง และก็คนที่มีไขมันในเลือดสูงและคนที่ดูดบุหรี่ โดยมีลักษณะอาการ คือ แน่นหน้าอกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างมากมายกดทับรู้สึกร้าวไปถึงฟันกรามรวมทั้งแขนซ้าย ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการออกแรงและอาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาใต้ลิ้น นอกจากนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
2. ออกอาการเกิดขึ้นแบบทันควัน อาทิเช่น อาการกำเนิดได้โดยไม่เลือกเวลา อาจมีอาการได้ในขณะดำเนินงาน เล่นกีฬาหรือพัก

คนไข้โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกระทันหัน ส่วนมากจะมาเจอหมอด้วยอาการแน่นหน้าอกที่ร้ายแรง มีเหงื่อแตก ใจสั่น และก็เจ็บปวดรวดร้าวไปถึงฟันกรามสะบักข้างหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย บางรายมาด้วยจุกลิ้นปี่เหมือนโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ซึ่งมีสาเหตุจากการปริแตกภายในของฝาผนังเส้นโลหิต รวมทั้งมีลิ่มเลือดมาจับกุมตัวรอบๆนั้นเมื่อลิ่มเลือดมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของเส้นโลหิตแดงคราวไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้กำเนิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และบางทีอาจเสียชีวิตรุนแรงในทันทีจากภาวการณ์หัวใจห้องด้านล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง

โดยเหตุนั้น ถ้าหากพบว่ามีลักษณะของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกะทันหันควรจะรีบไป เจอหมอในทันทีเพื่อนำไปสู่กระบวนการรักษาที่ถูกแนวทางและก็รักษาชีวิตได้โดยสวัสดิภาพ หากพบเจอคนป่วยสลบจากหัวใจวายการกู้ชีพพื้นฐานโดยคนที่ได้รับการฝึกอบรมและนำส่งโรงพยาบาลในทันที ซึ่งบางครั้งอาจจะช่วยคนไข้ได้ สำหรับเพื่อการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในตอนนี้มี 3 แนวทาง คือ การดูแลรักษาด้วยยา การขยายเส้นโลหิตแดงด้วยบอลลูนแล้วก็ใส่ขดลวดค้ำไว้ รวมทั้งการดูแลและรักษาด้วยการผ่าตัดเบี่ยงเบนเส้นเลือดหัวใจหรือกระบวนการทำบายพาส

การลดน้ำหนักโดยการกินให้น้อยลงหรืออดอาหาร ทำให้ไขมันลดลงได้เร็ว จริงหรือ?

การลดน้ำหนักโดยการกินให้น้อยลงหรืออดอาหาร ทำให้ไขมันลดลงได้เร็ว จริงหรือ?
ขณะที่เราออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ ร่างกายจะเลือกใช้พลังงานพร้อมใช้ หรือเรียกว่า Dietary Fuel ซึ่งพลังงานตัวนี้มาจากการที่เรารับประทานอาหารเข้าไปก่อนหน้านี้ เมื่อเผาลาญหมดลงจึงจะปรับมาใช้พลังงานที่สะสมไว้ (Body Fuel) ได้แก่ โปรตีนในกล้ามเนื้อ และไขมันสะสมเป็นลำดับถัดไป

การอดอาหารหรือ ลดอาหารอย่างไม่ถูกวิธี แล้วไปออกกำลังกายอย่างหนัก ในช่วงแรกไขมันจะลดลง แต่ร่างกายที่ไม่มีสารอาหารเพียงพอที่จะไปซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สลายออกไป ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนหายไปด้วย

วิธีที่จะช่วยให้เกิดการการเผาผลาญไขมันมากที่สุด และช่วยลดการสูญเสียกล้ามเนื้อน้อยที่สุด คือ
1. ควรมีการออกกำลังกายที่เพิ่มแรงต้านให้กล้ามเนื้อแบบ weight training (การออกกำลังกายโดยใช้แรงของกล้ามเนื้อในการยกอุปกรณ์ หรือออกแรงต้านน้ำหนักตัวเองโดยไม่มีอุปกรณ์ )

2. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ทั้งนี้ให้ทำควบคู่ไปกับการออกแบบ weight training

3. ควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม ไม่ควรงดไปบางมื้อโดยเฉพาะมื้อเช้า โดยหลักการง่ายๆ ของการคุมอาหาร

อาหารที่ควรทานหรือควบคุม

• งดน้ำตาล เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และของหวาน

• ลดการทานแป้งขัดขาว

• ทานผักใบ 40-50% ของมื้ออาหาร

คุมปริมาณไขมันที่ทานในแต่ละวัน เน้นทานไขมันดี

• ทานโปรตีนที่ดี เช่น อกไก่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมันอื่นๆ และลดโปรตีนแปรรูป เช่น แหนม กุนเชียง ไส้กรอก แฮม

นิ่วในไต กับอาหารเครื่องดื่มที่ควรงด

โรคนิ่วในไต หลายๆ คน คงเคยได้ยินและคุ้นชื่อโรคนี้มาพอสมควรแล้วจะมีสักกี่คนที่สนใจแล้วทำความรู้จักกับโรคนี้จริงๆ วันนี้เราจึงเอาข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์มาให้อ่านกัน สาเหตุของ “นิ่วในไต” มาจากการตกตะกอนของแคลเซียม ออกซาเลต และสารต่างๆ ที่ขับออกมาในปัสสาวะ ตกค้างอัดแน่นจนกลายเป็นก้อนนิ่ว ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเสี่ยงเกิดการตกตะกอนของสารจนกลายเป็นนิ่วก็มาจากอาหารที่เราทานเข้าไปทุกวันนั่นเอง แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงน้ำอัดลม เพราะเป็นสิ่งที่ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ นิยมที่จะดื่มกันมาก และน้ำอัดลมนี่แหละเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดนิ่วในไต

ทำไมน้ำอัดลมถึงเป็นสาเหตุของนิ่วในไต ?
อาหารการกินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไตอยู่แล้ว เพราะการรับประทานอาหารเนื้อสัตว์ และอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการและมากเกินการกำจัดออก ซึ่งกลายเป็นเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคนิ่วในไต แต่นอกจากอาหารที่เราทานเข้าไปแล้ว พวกเครื่องดื่มก็สำคัญมากๆ เช่นกัน ปกติแล้วทุกคนต้องดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำสะอาด ให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อความสมดุลของน้ำในร่างกาย และการนำน้ำไปใช้ในกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย แต่การที่เราหันไปดื่มเครื่องดื่มยอดนิยมอย่าง “น้ำอัดลม” เพื่อทดแทนการดื่มน้ำเปล่า ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคนี้ด้วย

เนื่องจากน้ำอัดลมประกอบด้วยน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลฟลุกโตสที่มีอยู่ในนั้นปริมาณมาก การที่เราดื่มน้ำอัดลมเข้าไปจะทำให้ร่างกายทำงานหนักมากขึ้นในการกำจัดออกและพยายามขับแคลเซียมในรูปแบบของปัสสาวะซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณแคลเซียมมากยิ่งขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความเสี่ยงของการที่แคลเซียมจะไปจับกับสารอื่นในปัสสาวะ และตกตะกอนจนกลายเป็นก้อนนิ่วได้

นอกจากน้ำอัดลมที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเครื่องดื่มยอดนิยมอีกชนิดหนึ่ง คือ “ชาเย็น” ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วในไต เพราะในชาเย็นมีสารออกซาเลตสูงที่เป็นสาเหตุของโรคนิ่วในไตได้เช่นกัน แต่อย่าพึ่งตกใจไป เพราะการดื่มชาเย็น 1-2 แก้วต่อวัน ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของโรคมากขนาดนั้น เพราะจากการศึกษาจากข้อมูลสถิติที่เก็บพบว่าการดื่มชาตั้งแต่ 16 แก้วขึ้นไป จึงจะทำให้ป่วยเป็นโรคไต โดยร่างกายได้รับสารออกซาเลตมากเกินไปนั่นเอง

รับประทานอาหารอย่างไร ช่วยลดความเสี่ยง “นิ่วในไต”
เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคไต ก็คืออาหารที่เราทานเข้าไป ดังนั้น หากเราเลือกทานแต่อาหารที่ดี โดยการลดทานอาหารที่มีแคลเซียมมาก อาหารที่จะไม่ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากขึ้นกว่าเดิม จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคนิ่วในไตได้ เช่น ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ อาหารที่มีโซเดียมสูง น้ำตาลฟลุกโตสสูง ออกซาเลตสูง และดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ